การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาเพื่อการเทรดที่แม่นยำ
ในโลกของการเทรด การตัดสินใจที่ชาญฉลาดและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา (Multi-Time Frame Analysis) เป็นเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ โดยการพิจารณาทิศทางและโครงสร้างตลาดในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น บทความนี้จะสรุปเนื้อหาจากวิดีโอ YouTube
เพื่อให้คุณเข้าใจหลักการและวิธีการวิเคราะห์หลายกรอบเวลาอย่างละเอียด
ความสำคัญของการวิเคราะห์หลายกรอบเวลา
การวิเคราะห์เพียงกรอบเวลาเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและขาดทุน เนื่องจากไม่ได้พิจารณาทิศทางและโครงสร้างตลาดในภาพรวมที่ใหญ่กว่า การวิเคราะห์ในกรอบเวลาที่สูงขึ้นจะช่วยให้เข้าใจทิศทางหลักของตลาดและเพิ่มโอกาสในการเทรดที่สอดคล้องกัน
การเลือกกรอบเวลา
ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่โดยทั่วไปให้คูณกรอบเวลาเทรดของคุณด้วย 3 ถึง 5 เพื่อหากรอบเวลากลาง จากนั้นคูณกรอบเวลากลางด้วย 3 ถึง 5 อีกครั้งเพื่อหากรอบเวลาที่สูงขึ้น ตัวอย่าง: หากเทรดในกรอบเวลา 5 นาที กรอบเวลากลางคือ 15 นาที และกรอบเวลาที่สูงขึ้นคือ 1 ชั่วโมง การใช้กรอบเวลาที่สูงกว่านี้มากเกินไปอาจไม่เป็นประโยชน์และอาจส่งผลเสีย
วิธีการวิเคราะห์จากกรอบเวลาที่สูงไปต่ำ
- กรอบเวลาที่สูงที่สุด (เช่น 1 ชั่วโมง สำหรับเทรดเดอร์ 5 นาที): วาดแนวรับแนวต้านและทำความเข้าใจทิศทางราคาโดยรวม ตัวอย่าง: ราคาทะลุช่องราคาลง (descending channel) และอยู่บนแนวรับ ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการเคลื่อนไหวขึ้น แนวต้านในกรอบเวลานี้มีความสำคัญมาก
- กรอบเวลากลาง (เช่น 15 นาที สำหรับเทรดเดอร์ 5 นาที): วาดแนวรับแนวต้านที่เล็กลง ซึ่งยังคงมีความสำคัญและสามารถใช้เป็นจุด Stop-Loss หรือ Take-Profit ได้ หากมีช่องราคาในกรอบเวลานี้ก็สามารถวาดได้เช่นกัน
- กรอบเวลาเทรด (เช่น 5 นาที): ไม่จำเป็นต้องวาดแนวระดับในกรอบเวลานี้มากนัก แต่ถ้าระดับจากกรอบเวลาที่สูงกว่าอยู่ไกลกันมาก อาจวาดแนวระดับใกล้เคียงในกรอบเวลานี้เพื่อล็อคกำไร สิ่งสำคัญคือการรอสัญญาณยืนยัน (trigger) เช่น รูปแบบราคาหรือแท่งเทียนบริเวณแนวรับแนวต้านจากกรอบเวลาที่สูงกว่า จากนั้นจึงเข้าเทรด โดยวาง Stop-Loss และ Take-Profit ในตำแหน่งที่เหมาะสม กรอบเวลานี้ใช้สำหรับการเข้าเทรดในจุดที่ได้เปรียบและมี Stop-Loss ที่ค่อนข้างแคบ
ตัวอย่างเพิ่มเติม
สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้กรอบเวลา 1 ชั่วโมง กรอบเวลากลางคือ 4 ชั่วโมง และกรอบเวลาที่สูงขึ้นคือรายวัน เริ่มจากการวาดแนวรับแนวต้านบนกราฟรายวัน จากนั้นไปที่กราฟ 4 ชั่วโมงเพื่อวาดแนวระดับ สุดท้ายรอสัญญาณในกราฟ 1 ชั่วโมงเพื่อเข้าเทรด
ความสำคัญของระดับแนวรับแนวต้านจากกรอบเวลาที่สูงกว่า
ระดับเหล่านี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าระดับจากกรอบเวลาที่ต่ำกว่า หากเกิดกรณีที่แนวรับ 5 นาทีอยู่ใกล้กับแนวต้าน 1 ชั่วโมง ควรยกเลิกการเทรด Buy เนื่องจากแนวต้าน 1 ชั่วโมงมีโอกาสที่จะแข็งแกร่งกว่า
การสร้างสถานการณ์และการคิดแบบนักเทรดมืออาชีพ
แทนที่จะยึดติดกับความคิดว่ารูปแบบราคาจะต้องเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ควรสร้ างสถานการณ์ที่เป็นไปได้หลายแบบและเทรดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ตัวอย่าง: หากราคาอยู่ใกล้แนวรับที่แข็งแกร่งและชนกับขอบบนของช่องราคาลง ควรพิจารณาว่าราคาอาจทะลุขึ้นได้ แต่ถ้าราคาไม่สามารถทะลุขึ้นและเคลื่อนที่ลงต่อ ควรรอให้ราคาทะลุแนวรับลงมาก่อนแล้วจึงพิจารณาเทรด Sell เมื่อราคารีบาวด์กลับขึ้นมา (pullback)
คำแนะนำเพิ่มเติม
ฝึกฝนการวาดแนวระดับตามหลักการที่สอนในวิดีโอ และสังเกตพฤติกรรมราคาบริเวณเหล่านั้น ทำความเข้าใจกลไกเบื้องหลังประสิทธิภาพของแต่ละระดับ และเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการทะลุจริงและการทะลุหลอก ควรดูวิดีโอซ้ำหลายครั้งเนื่องจากเนื้อหามีความเข้มข้น
สรุป
การวิเคราะห์หลายกรอบเวลาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มความแม่นยำในการเทรด โดยการพิจารณาทิศทางและโครงสร้างตลาดในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น และใช้กรอบเวลาที่ต่ำกว่าเพื่อหาจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสม อย่าลืมฝึกฝนและทำความเข้าใจหลักการเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดของคุณ
กำลังสนใจศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดี ขอบคุณมากค่ะ 😊
- ขอบคุนสำหรับทริค🙏
ตามต่อคับ
ทิ้งคำตอบไว้
- 43 ฟอรัม
- 2,919 หัวข้อ
- 8,337 กระทู้
- 19 ออนไลน์
- 3,876 สมาชิก