เจาะลึก Dynamic Gap Probability Tool: วัดความน่าจะเป็นของราคาแท่งถัดไปบน TradingView
ในโลกของการเทรดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีเครื่องมือที่ช่วยประเมิน "ความน่าจะเป็น" ของทิศทางราคาในอนาคตอันใกล้ ย่อมเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์ที่น่าสนใจบน TradingView ที่ชื่อว่า Dynamic Gap Probability Tool ซึ่งสร้างโดยนักพัฒนาชื่อ Julien_Eche ที่นำเสนอแนวคิดการวิเคราะห์เชิงสถิติมาช่วยในการตัดสินใจเทรด
Concept: แนวคิดหลักของ Indicator
หัวใจของอินดิเคเตอร์ตัวนี้คือการวิเคราะห์ "ช่องว่าง" (Gap) ระหว่างราคาปัจจุบันกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ จากนั้นจะนำข้อมูลช่องว่างที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีตทั้งหมดของสินทรัพย์นั้นๆ เพื่อคำนวณออกมาเป็น เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็น ที่แท่งเทียนถัดไปจะเคลื่อนที่ขึ้น (เป็นบวก) หรือลง (เป็นลบ)
จุดเด่นที่สำคัญคือ การปรับขนาดกลุ่มตัวอย่างแบบไดนามิก (Dynamic Sample Size) ซึ่งหมายความว่าอินดิเคเตอร์จะปรับจำนวนข้อมูลในอดีตที่นำมาคำนวณให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือทางสถิติมากที่สุด
วิธีการติดตั้ง Indicator
คุณสามารถติดตั้งอินดิเคเตอร์ตัวนี้บนแพลตฟอร์ม TradingView ได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้:
-
เปิดกราฟของสินทรัพย์ที่คุณสนใจบน TradingView
-
คลิกที่เมนู "Indicators" (อินดิเคเตอร์) ที่แถบเครื่องมือด้านบน
-
ในหน้าต่างที่ปรากฏขึ้นมา ให้เลือกแท็บ "Community Scripts" (สคริปต์ชุมชน)
-
ในช่องค้นหา พิมพ์ชื่ออินดิเคเตอร์: "Dynamic Gap Probability Tool" หรือชื่อผู้สร้าง "Julien_Eche"
-
เมื่อพบแล้ว ให้คลิกหนึ่งครั้งเพื่อเพิ่มอินดิเคเตอร์ลงบนกราฟของคุณ
วิธีการใช้งาน และการตีความสัญญาณ
หลังจากติดตั้งแล้ว อินดิเคเตอร์มักจะแสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นที่ราคาจะขึ้นหรือลง ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจได้ดังนี้
สัญญาณเข้าซื้อ (Entry Buy)
-
มองหาสัญญาณ: รอจนกว่าอินดิเคเตอร์แสดง "ความน่าจะเป็นที่ราคาจะปรับตัวขึ้น" ในระดับที่สูง (เช่น 70%, 80% หรือสูงกว่านั้น)
-
ยืนยันด้วยปัจจัยอื่น: เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ควรใช้สัญญาณนี้ร่วมกับปัจจัยอื่น เช่น ราคายืนอยู่เหนือแนวรับที่สำคัญ, เกิดสัญญาณกลับตัวของแท่งเทียน (Price Action) หรืออินดิเคเตอร์ตัวอื่นให้สัญญาณซื้อเช่นกัน
-
เข้าซื้อ: เมื่อองค์ประกอบครบถ้วน จึงพิจารณาเข้าซื้อ
สัญญาณเข้าขาย (Entry Sell)
-
มองหาสัญญาณ: ในทางกลับกัน ให้รอจนกว่าอินดิเคเตอร์จะแสดง "ความน่าจะเป็นที่ราคาจะปรับตัวลง" ในระดับที่สูง
-
ยืนยันด้วยปัจจัยอื่น: เช่นเดียวกัน ควรยืนยันสัญญาณด้วยปัจจัยอื่น เช่น ราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านที่สำคัญ, เกิดสัญญาณกลับตัวในฝั่งลง
-
เข้าขาย/Short: เมื่อมั่นใจในสัญญาณ จึงพิจารณาเข้าขาย (Sell หรือ Short)
การตั้งค่า Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)
อินดิเคเตอร์นี้บอก "ความน่าจะเป็น" แต่ไม่ได้กำหนดจุดทำกำไร (TP) หรือตัดขาดทุน (SL) โดยตรง ดังนั้น เทรดเดอร์จำเป็นต้องใช้หลักการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เข้ามาช่วยเสมอ
การตั้ง Stop Loss (SL)
-
สำหรับฝั่งซื้อ (Buy): ควรตั้ง SL ไว้ที่บริเวณ จุดต่ำสุดเดิมล่าสุด (Recent Swing Low) หรือใต้แนวรับที่สำคัญเล็กน้อย
-
สำหรับฝั่งขาย (Sell): ควรตั้ง SL ไว้ที่บริเวณ จุดสูงสุดเดิมล่าสุด (Recent Swing High) หรือเหนือแนวต้านที่สำคัญเล็กน้อย
การตั้ง Take Profit (TP)
คุณสามารถเลือกใช้ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของคุณ:
-
อิงตาม Risk/Reward Ratio: กำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า เช่น 1:1.5 หรือ 1:2 ตัวอย่างเช่น หากระยะ SL ของคุณคือ 50 จุด ระยะ TP ของคุณก็ควรจะเป็น 75 หรือ 100 จุด
-
อิงตามแนวรับ-แนวต้าน:
-
สำหรับฝั่งซื้อ: ตั้ง TP ที่บริเวณ แนวต้านถัดไป ที่มีความสำคัญ
-
สำหรับฝั่งขาย: ตั้ง TP ที่บริเวณ แนวรับถัดไป ที่มีความสำคัญ
-
-
รอสัญญาณฝั่งตรงข้าม: ถือสถานะไปเรื่อยๆ จนกว่าอินดิเคเตอร์จะแสดงความน่าจะเป็นของฝั่งตรงข้ามในระดับที่สูง จึงพิจารณาปิดทำกำไร
ข้อควรจำ: Dynamic Gap Probability Tool เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เชิงสถิติที่ทรงพลัง แต่ไม่ใช่เครื่องมือที่ทำนายอนาคตได้ 100% ความน่าจะเป็นสูงไม่ได้หมายความว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางนั้นเสมอไป ควรใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจร่วมกับกลยุทธ์การเทรดและการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบอยู่เสมอ
ขอบคุณคะ🙏
🙏🙏🙏คะ
ขอบคุนคับ
ทิ้งคำตอบไว้
- 42 ฟอรัม
- 2,462 หัวข้อ
- 7,182 กระทู้
- 155 ออนไลน์
- 2,775 สมาชิก