ราคาทองคำกำลังพุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง ทะลุระดับ $4,200 และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,218 เลยทีเดียว

เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ทองคำขึ้นขนาดนี้

1. ความวุ่นวายทางการเมืองและการค้าสหรัฐฯ-จีน

   • ประเด็นสงครามการค้า ประธานาธิบดีทรัมป์เปรยๆ ว่าอาจจะตัดความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน หลังมีการเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือกันไปมา ทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นสุด ๆ

   • ความไม่แน่นอนของรัฐบาล ปัญหา "รัฐบาลชัตดาวน์" (Government Shutdown) ของสหรัฐฯ ที่ลากยาวเป็นวันที่ 15 แล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้ระหว่างทำเนียบขาวกับพรรคเดโมแครต

2. ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ผ่อนคลาย

   • เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานยังอ่อนแอ และ Fed อาจจะต้องลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ เป็นกลาง

   • นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 25 Basis Points ในการประชุมเดือนตุลาคม และลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม (โอกาสลดสูงถึง 98%)

3. ความกลัวภาวะเศรษฐกิจซบเซาแต่เงินเฟ้อสูง 

   • รายงาน Beige Book ของ Fed ชี้ว่าการจ้างงานยังคงซบเซา ขณะที่เงินเฟ้อยังสูงอยู่เพราะราคาวัตถุดิบและผลจากกำแพงภาษี นี่แหละ

4. ปัจจัยเสริมอื่นๆ

   • นักลงทุนแห่หาที่พักเงิน เมื่อโลกไม่แน่นอน คนก็หนีมาซื้อทองคำ

   • เงินดอลลาร์อ่อนค่า ดัชนี DXY ร่วงลงเล็กน้อย ทำให้ทองคำที่ซื้อขายด้วยดอลลาร์ดูน่าสนใจขึ้น

   • การเข้าซื้อของธนาคารกลางและการไหลเข้าของ ETF ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ (Year-to-date) ราคาทองคำขึ้นไปกว่า 60% แล้ว! โดยมีแรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลกและการลงทุนในกองทุน ETF ทองคำอย่างต่อเนื่อง

แนวรับแนวต้าน

แนวต้าน

• 4,250

• 4,300 

• 4,350

• 4,400 

• 4,450 

แนวรับ

• 4,200

• 4,150

• 4,100

• 4,059

• 4,000

คำเตือนนักลงทุน

บอกไว้ก่อนเลยว่า การที่ราคาทองคำวิ่งขึ้นมาแรงขนาดนี้ ส่วนใหญ่มาจากความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองล้วนๆ ราคาทองคำอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งหมายความว่า ความผันผวนจะสูงมากๆ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเทขายทำกำไร ได้ทุกเมื่อ หากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าหรือปัญหาชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนควรระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าเพิ่งเข้าซื้อโดยขาดการวางแผน และควรมีจุดตัดขาดทุน Stop-loss ที่ชัดเจน เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคากลับทิศทางอย่างกะทันหัน