coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

Information-Geometric Market Dynamics (IGMD) — พลิกโฉมการวิเคราะห์ตลาดด้วยแนวคิดเชิงเรขาคณิต

2 กระทู้
2 ผู้ใช้
1 Reactions
156 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 508
หัวข้อเริ่มต้น  

คุณเคยรู้สึกไหมว่าการวิเคราะห์กราฟราคาแบบเดิมๆ นั้นไม่สมบูรณ์? เส้นแนวโน้มและอินดิเคเตอร์ต่างๆ ดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวเพียงครึ่งเดียวของสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด IGMD (Information-Geometric Market Dynamics) คือแนวคิดใหม่ที่ก้าวข้ามการวิเคราะห์แบบเดิม โดยมองว่ากราฟราคาที่เราเห็นเป็นเพียงภาพฉายมิติเดียวของ "สนามข้อมูล" (Information Field) ที่ซับซ้อนและมีมิติสูงกว่าสคริปต์นี้ไม่ใช่เพียงชุดของอินดิเคเตอร์ แต่เป็นกรอบแนวคิดที่รวมเอาหลักการทางคณิตศาสตร์และทฤษฎีสารสนเทศขั้นสูง เพื่อวัดและทำความเข้าใจ "รูปทรงเรขาคณิต" ของสนามข้อมูลตลาด ทั้งความทรงจำ ความซับซ้อน ความไม่แน่นอน และกระแสข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจโดยอ้างอิงจากความจริงที่ลึกซึ้งกว่า

 

แนวคิดหลักของ IGMD: การวิเคราะห์แบบหลายแกน (Multi-Kernel Approach)

 

หัวใจสำคัญของ IGMD คือการใช้ "แกนคณิตศาสตร์" (Kernels) ห้าชนิดที่แตกต่างกัน แต่ละแกนทำหน้าที่เป็น "โพรบ" พิเศษที่ใช้สกัดข้อมูลเชิงลึกที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากข้อมูลราคาดิบ แต่ละแกนให้มุมมองที่แตกต่างกันของตลาด และจะถูกนำมารวมกันผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "การหลอมรวม" (Fusion) เพื่อสร้างภาพรวมที่ชัดเจนเพียงภาพเดียว


แกนทั้งห้าของ IGMD และหน้าที่ของมัน

 

  1. แกน Wavelet (The "Microscope"): 🔬

    • หน้าที่: ใช้แบ่งสัญญาณราคาออกเป็นส่วนๆ ตามความถี่ เพื่อแยก "สัญญาณรบกวน" ระยะสั้นออกจาก "แนวโน้ม" ระยะยาว

    • การทำงาน: สามารถเลือกใช้ Wavelet Kernels ได้ 2 แบบคือ Haar สำหรับการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และ Daubechies (db2) สำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มที่ราบรื่น

  2. แกน Hurst Exponent (The "Memory Gauge"): 🧠

    • หน้าที่: วัด "ความทรงจำระยะยาว" ของตลาด

    • การทำงาน:

      • ค่า H > 0.5: ตลาดมีแนวโน้ม (Trending)

      • ค่า H < 0.5: ตลาดมีการย้อนกลับสู่ค่าเฉลี่ย (Mean-Reverting)

      • ค่า H = 0.5: ตลาดมีการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม (Random)

  3. แกน Fractal Dimension (The "Complexity Compass"): 🧭

    • หน้าที่: วัดความซับซ้อนหรือ "ความยึกยัก" ของเส้นทางราคา

    • การทำงาน: เป็นตัวกรองหลักที่ช่วยระบุว่าสภาวะตลาดนั้น เทรดได้ (มีความซับซ้อนต่ำ) หรือ ไม่ควรเทรด (มีความซับซ้อนสูง)

  4. แกน Shannon Entropy (The "Uncertainty Meter"): ⚖️

    • หน้าที่: วัดความไม่แน่นอน หรือ "ข้อมูล" ในระบบ

    • การทำงาน:

      • ค่าต่ำ: การเคลื่อนไหวของราคาสามารถคาดเดาได้

      • ค่าสูง: การเคลื่อนไหวของราคาไร้ทิศทางและคาดเดาไม่ได้

  5. แกน Transfer Entropy (The "Causality Probe"): ⛓️

    • หน้าที่: วัด "การไหลของข้อมูล" จากปัจจัยหนึ่ง (เช่น ปริมาณซื้อขาย) ไปยังราคา

    • การทำงาน: ช่วยระบุว่าปริมาณการซื้อขายกำลัง "นำ" การเคลื่อนไหวของราคาอยู่หรือไม่


Field Score และแดชบอร์ด: การหลอมรวมและการตีความ

 

แกนทั้งห้าจะถูกหลอมรวมกันเป็นค่าเมตริกเดียวที่เรียกว่า Field Score ซึ่งมีค่าตั้งแต่ -1 (แนวโน้มขาลง) ถึง +1 (แนวโน้มขาขึ้น) ค่านี้คือการอ่านค่าภาพรวมของตลาดในปัจจุบัน

แดชบอร์ดจะแสดง:

  • Field Score & Regime: สถานะโดยรวมของตลาด เช่น "Uptrend Field", "Downtrend Field" หรือ "Transitional"

  • Kernel Readouts: ค่าคะแนนของแต่ละแกน ทำให้เราเข้าใจที่มาของ Field Score

  • Signals: แสดงความน่าจะเป็นสำหรับการเข้าซื้อหรือขาย โดยอ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึก

  • Pattern: ตรวจจับรูปแบบแท่งเทียนที่เด่นชัดและแสดงระดับความเชื่อมั่น


วิธีการใช้งานเบื้องต้น: การเข้าซื้อ-ขายและบริหารความเสี่ยง

 

เนื่องจากสคริปต์นี้เป็นเครื่องมือที่ซับซ้อน การใช้งานจึงต้องอาศัยการตีความข้อมูลจากหลายส่วนประกอบ แต่ตามบทความต้นฉบับได้มีการอธิบายถึงองค์ประกอบที่ใช้สำหรับการเข้า-ออกและบริหารความเสี่ยงดังนี้:

  • วิธีการเข้าซื้อ (Entry Buy) และเข้าขาย (Entry Sell):

    • สคริปต์จะแสดง Signal Markers (▲ and ▼) บนกราฟเมื่อเงื่อนไขทั้งหมดของ Signal Engine ตรงตามที่กำหนด

    • ตัวเลขที่ปรากฏถัดจากเครื่องหมายคือ Probability Score (คะแนนความน่าจะเป็น) ที่ถูกคำนวณมา ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นในการเข้าซื้อหรือขาย

    • การเข้าซื้อควรพิจารณาเมื่อมีสัญญาณ ▲ (Buy) และ Field Score มีค่าเป็นบวก (Uptrend Field) ในทางกลับกัน การเข้าขายควรพิจารณาเมื่อมีสัญญาณ ▼ (Sell) และ Field Score มีค่าเป็นลบ (Downtrend Field)

  • การตั้งค่า TP (Take Profit) และ SL (Stop Loss):

    • เมื่อมีสัญญาณเกิดขึ้น สคริปต์จะทำการพล๊อต RR Rails (เส้นประ) โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะแสดงระดับ Entry (จุดเข้า), Stop Loss (SL) (อิงจากค่า ATR), และ Take Profit (TP) สองระดับ (อิงจากอัตราส่วน Risk/Reward)

    • เส้นเหล่านี้จะหายไปเมื่อราคาสัมผัสกับระดับใดระดับหนึ่ง แสดงถึงการบริหารความเสี่ยงแบบไดนามิก


บทสรุป: เครื่องมือสำหรับโลกที่ซับซ้อน

 

IGMD คือเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของการวิเคราะห์แบบเดิมๆ และมองเห็นความจริงที่ซับซ้อนของตลาดได้ดียิ่งขึ้นดังที่ Benoît Mandelbrot บิดาแห่งเรขาคณิตแฟร็กทัลได้กล่าวไว้ว่า: "ก้อนเมฆไม่ใช่ทรงกลม ภูเขาไม่ใช่กรวย... และตลาดก็ไม่ได้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง"IGMD จึงเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อนำทางในความเป็นจริงที่ซับซ้อน สวยงาม และเป็นแบบแฟร็กทัลของตลาดการเงิน



   
cavierjan70 reacted
อ้างอิง
cavierjan70
(@cavierjan70)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank F
เข้าร่วม: 4 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 61
 

น่าลอง



   
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: