เว็บบอร์ดลงโพสต์ฟรี
ดูอันดับนักแข่ง ea
เทคนิคทำกำไรด้วย "C...
 
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

เทคนิคทำกำไรด้วย "Cup and Handle": คู่มือจับสัญญาณซื้อ-ขาย พร้อมวิธีตั้งค่า Indicator

3 กระทู้
3 ผู้ใช้
3 Reactions
7 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank F
เข้าร่วม: 11 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 297
หัวข้อเริ่มต้น  

ในโลกของการเทรดทางเทคนิค มีรูปแบบราคา (Price Pattern) มากมายที่ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ และหนึ่งในรูปแบบที่คลาสสิกและทรงพลังที่สุดคือ "Cup and Handle" หรือ "รูปแบบถ้วยกาแฟพร้อมหูจับ" ซึ่งเป็นสัญญาณของการ "ไปต่อ" ในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Continuation) บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ Concept, วิธีการใช้งาน, การติดตั้ง Indicator ที่จำเป็น และกลยุทธ์การเข้า-ออกออเดอร์อย่างมืออาชีพ

 

Concept: รูปแบบ "Cup and Handle" คืออะไร?

 

รูปแบบนี้ถูกค้นพบและเผยแพร่โดย William O'Neil ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ:

  1. ตัวถ้วย (The Cup): มีลักษณะเป็นโค้งเหมือนตัว "U" ไม่ใช่ตัว "V" ที่แหลมคม ความโค้งมนของถ้วยแสดงถึงช่วงที่ราคาค่อยๆ สร้างฐานอย่างมั่นคงหลังจากปรับตัวลงมาระยะหนึ่ง โดยปริมาณการซื้อขาย (Volume) มักจะลดลงในช่วงที่กำลังฟอร์มตัวเป็นก้นถ้วย และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อราคากลับขึ้นมาที่ขอบถ้วยด้านขวา

  2. หูจับ (The Handle): หลังจากฟอร์มตัวถ้วยเสร็จ ราคาจะมีการย่อตัวลงเล็กน้อยในกรอบแคบๆ ซึ่งเป็นช่วงพักตัวระยะสั้นๆ คล้ายกับการสร้างหูจับของถ้วยกาแฟ ในช่วงนี้ Volume ควรจะเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าแรงขายกำลังจะหมดไป

เส้นแนวต้านที่ลากผ่านยอดของขอบถ้วยทั้งสองข้างเรียกว่า "เส้นขอบถ้วย" (Neckline หรือ Rim) ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเข้าเทรด

 

วิธีการติดตั้ง Indicator เพื่อยืนยันสัญญาณ

 

ถึงแม้ "Cup and Handle" จะเป็น Price Pattern ที่ดูได้ด้วยตาเปล่า แต่การใช้ Indicator อื่นๆ มาช่วยยืนยันจะเพิ่มความแม่นยำได้อย่างมาก Indicator ที่จำเป็นคือ Volume ซึ่งมักจะมาพร้อมกับแพลตฟอร์มเทรดอยู่แล้ว และสามารถเพิ่ม Moving Average (MA) เพื่อดูแนวโน้มโดยรวมได้

วิธีการติดตั้งบน TradingView (หรือแพลตฟอร์มส่วนใหญ่):

  1. ไปที่หน้ากราฟของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ

  2. คลิกที่ปุ่ม "Indicators" หรือ "ตัวชี้วัด" ที่แถบเครื่องมือด้านบน

  3. ในช่องค้นหา พิมพ์ชื่อ Indicator ที่ต้องการ เช่น:

    • "Volume": โดยส่วนใหญ่มักจะถูกติดตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว

    • "Moving Average Exponential" (EMA) หรือ "Moving Average" (MA): เพื่อช่วยยืนยันแนวโน้มขาขึ้น

  4. คลิกที่ชื่อ Indicator เพื่อเพิ่มเข้ามาในกราฟของคุณ

 

วิธีการใช้งาน: จุดเข้าซื้อ (Entry Buy)

 

สัญญาณเข้าซื้อที่แข็งแกร่งที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อ "ราคาทะลุเส้นขอบถ้วย (Neckline Breakout)"

  1. ระบุสัญญาณ: มองหาราคาแท่งเทียนที่สามารถ ปิด เหนือเส้น Neckline ขึ้นไปได้อย่างชัดเจน

  2. ยืนยันด้วย Volume: การทะลุ (Breakout) ที่ดี จะต้องมาพร้อมกับ ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา การที่ Volume เพิ่มขึ้นเป็นการยืนยันว่ามีแรงซื้อจำนวนมากเข้ามาสนับสนุนการขึ้นของราคาจริง ไม่ใช่การทะลุหลอก (False Breakout)

  3. กลยุทธ์การเข้าซื้อ:

    • แบบ Aggressive: เข้าซื้อทันทีที่ราคาปิดเหนือเส้น Neckline พร้อม Volume ที่สูง

    • แบบ Conservative: รอให้ราคาทะลุขึ้นไปก่อน แล้วย่อกลับลงมาทดสอบเส้น Neckline อีกครั้ง (ซึ่งตอนนี้จะกลายเป็นแนวรับ) หากราคาสามารถยืนอยู่ได้และเริ่มดีดตัวกลับ จึงค่อยเข้าซื้อ วิธีนี้จะปลอดภัยกว่าแต่อาจทำให้ตกรถได้หากราคาไม่ย่อกลับลงมา

 

การตั้งเป้าหมายทำกำไร (Take Profit - TP)

 

วิธีการตั้งเป้าหมายกำไรของรูปแบบ Cup and Handle นั้นตรงไปตรงมาและเป็นที่นิยมอย่างมาก

  • วิธีการคำนวณ:

    1. วัดความลึกของ "ตัวถ้วย" โดยวัดระยะจาก "ก้นถ้วย" ขึ้นมายัง "เส้นขอบถ้วย (Neckline)"

    2. นำระยะความลึกที่วัดได้ ไปบวกเพิ่มจาก "จุดที่ราคาทะลุ (Breakout Point)" บนเส้น Neckline

ตัวอย่าง: หากก้นถ้วยอยู่ที่ราคา 100 บาท และเส้น Neckline อยู่ที่ 120 บาท (ความลึก = 20 บาท) เป้าหมายทำกำไร (TP) ของคุณจะอยู่ที่ 120 + 20 = 140 บาท

 

การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss - SL)

 

การตั้ง Stop Loss เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจำกัดความเสี่ยงหากการวิเคราะห์ผิดพลาด

  • วิธีการตั้ง: จุดที่ปลอดภัยที่สุดในการตั้ง Stop Loss คือ "บริเวณใต้จุดต่ำสุดของหูจับ (Handle)" เพราะหากราคาย้อนกลับลงมาต่ำกว่าหูจับ มักจะหมายความว่ารูปแบบนี้ได้ล้มเหลวแล้ว

 

แล้วฝั่งขาย (Entry Sell) ล่ะ?

 

โดยธรรมชาติแล้ว Cup and Handle เป็นรูปแบบสำหรับ "ฝั่งซื้อ" (Buy) อย่างไรก็ตาม เราสามารถประยุกต์ใช้ได้ในกรณีดังนี้:

  1. การปิดสถานะซื้อ (Exit Buy): จุด "Sell" ในที่นี้คือการขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคาไปถึงเป้าหมาย TP ที่คำนวณไว้ หรือเมื่อเห็นสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนก่อนถึงเป้าหมาย

  2. รูปแบบกลับหัว (Inverted Cup and Handle): หากคุณพบรูปแบบนี้กลับหัว (ถ้วยคว่ำ) มันจะกลายเป็นสัญญาณ "ฝั่งขาย" (Sell/Short) ที่แข็งแกร่ง โดยมีวิธีการวิเคราะห์และตั้งเป้าหมายเหมือนกันทุกประการ แต่เป็นการวัดลงด้านล่างแทน


บทสรุป: รูปแบบ "Cup and Handle" เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักเทรดในแนวโน้มขาขึ้น การทำความเข้าใจองค์ประกอบ การยืนยันสัญญาณด้วย Volume และการมีวินัยในการตั้ง TP และ SL จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและตัดสินใจด้วยตนเองก่อนทำการซื้อขายทุกครั้ง


   
อ้างอิง
Vcatwyia41
(@vcatwyia41)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank F
เข้าร่วม: 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา
กระทู้: 65
 

👌🙏🙏❤️


   
ตอบอ้างอิง
Not_tha_pong91
(@not_tha_pong91)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank G
เข้าร่วม: 2 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 19
 

ขอบคุนคับพี่


   
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: