coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

เจาะลึก WaveTrend Oscillator [WT]: ติดตั้งและใช้งานอย่างมืออาชีพ

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
18 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank F
เข้าร่วม: 11 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 321
หัวข้อเริ่มต้น  

WaveTrend Oscillator [WT] เป็นอินดิเคเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในชุมชนนักเทรดบน TradingView สร้างโดยผู้ใช้ชื่อ "LazyBear" ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการสร้างสรรค์เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์มากมาย อินดิเคเตอร์ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อหาจุดกลับตัวของราคาในสภาวะที่ตลาดมีการซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ทำให้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการหาจังหวะเข้าเทรด

 

Concept ของ WaveTrend Oscillator คืออะไร?

 

WaveTrend Oscillator เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Momentum Oscillator ที่ทำงานโดยการวิเคราะห์ความเร็วและความเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนที่ของราคา แนวคิดหลักคือการระบุจุดที่พลังในการซื้อหรือขายเริ่มอ่อนแรงและมีแนวโน้มที่จะกลับตัว

ส่วนประกอบหลักของ Indicator ประกอบด้วย:

  • เส้น WaveTrend (WaveTrend Lines): โดยทั่วไปจะแสดงเป็นเส้นสีเขียวและสีแดงที่วิ่งสลับกันไปมา เป็นตัวแทนของโมเมนตัมในปัจจุบัน

  • เส้นประ (Signal Line): เป็นเส้นค่าเฉลี่ยของ WaveTrend ใช้เป็นสัญญาณในการยืนยันการเข้าเทรดเมื่อมีการตัดกันเกิดขึ้น

  • โซน Overbought/Oversold:

    • Overbought (ซื้อมากเกินไป): พื้นที่ด้านบนที่ถูกล้อมด้วยเส้นประสีแดง เมื่อเส้น WaveTrend เข้าสู่โซนนี้ หมายความว่ามีแรงซื้อเข้ามามากจนอาจใกล้ถึงจุดกลับตัวลง

    • Oversold (ขายมากเกินไป): พื้นที่ด้านล่างที่ถูกล้อมด้วยเส้นประสีเขียว เมื่อเส้น WaveTrend เข้าสู่โซนนี้ หมายความว่ามีแรงขายเข้ามามากจนอาจใกล้ถึงจุดกลับตัวขึ้น

 

วิธีการติดตั้ง Indicator บน TradingView

 

คุณสามารถเพิ่ม WaveTrend Oscillator ลงบนกราฟของคุณได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน:

  1. เปิดโปรแกรม TradingView และไปที่กราฟราคาที่คุณสนใจ

  2. คลิกที่เมนู "Indicators" (อินดิเคเตอร์) ที่แถบเครื่องมือด้านบน

  3. ในหน้าต่างที่ปรากฏขึ้นมา ให้พิมพ์ในช่องค้นหาว่า "WaveTrend Oscillator"

  4. มองหาอินดิเคเตอร์ที่ชื่อ "WaveTrend Oscillator [WT]" โดยผู้สร้างคือ "LazyBear" (มักจะเป็นตัวที่มีจำนวนไลค์หรือผู้ใช้งานเยอะที่สุด)

  5. คลิกที่ชื่ออินดิเคเตอร์นั้นหนึ่งครั้ง แล้วอินดิเคเตอร์จะปรากฏขึ้นที่ส่วนล่างของกราฟของคุณ

 

วิธีการใช้งานเพื่อหาจังหวะเข้าเทรด

 

หัวใจสำคัญของการใช้ WaveTrend คือการรอสัญญาณที่ชัดเจนและมีคุณภาพ ไม่ควรรีบร้อนเข้าเทรดทุกครั้งที่เส้นตัดกัน

 

การหาจังหวะเข้าซื้อ (Entry Buy)

 

มองหาสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่งตามเงื่อนไขต่อไปนี้:

  1. รอให้เส้น WaveTrend เข้าสู่โซน Oversold: เส้น WaveTrend ต้องเคลื่อนที่ลงไปอยู่ ต่ำกว่า เส้นประสีเขียว ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป

  2. รอสัญญาณตัดขึ้น: รอจนกระทั่งเส้น WaveTrend ตัดเส้นประ (Signal Line) ขึ้นมา อย่างชัดเจน การตัดกันนี้คือสัญญาณยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อเริ่มกลับเข้ามา

  3. การยืนยันเพิ่มเติม (Confirmation): เพื่อความแม่นยำ ควรยืนยันด้วยสัญญาณอื่น เช่น

    • Price Action: เกิดแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้น เช่น Hammer, Bullish Engulfing

    • แนวโน้ม: สัญญาณ Buy จะน่าเชื่อถือมากหากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

 

การหาจังหวะเข้าขาย (Entry Sell)

 

มองหาสัญญาณขายที่แข็งแกร่งตามเงื่อนไขต่อไปนี้:

  1. รอให้เส้น WaveTrend เข้าสู่โซน Overbought: เส้น WaveTrend ต้องเคลื่อนที่ขึ้นไปอยู่ สูงกว่า เส้นประสีแดง ซึ่งบ่งบอกว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป

  2. รอสัญญาณตัดลง: รอจนกระทั่งเส้น WaveTrend ตัดเส้นประ (Signal Line) ลงมา อย่างชัดเจน เป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งขายเริ่มกลับเข้ามา

  3. การยืนยันเพิ่มเติม (Confirmation):

    • Price Action: เกิดแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลง เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing

    • แนวโน้ม: สัญญาณ Sell จะน่าเชื่อถือมากหากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง (Downtrend)

 

การตั้งเป้าหมายทำกำไร (Take Profit - TP) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss - SL)

 

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด WaveTrend ไม่ได้ให้ระดับ TP/SL ที่ชัดเจน แต่เราสามารถประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์มาตรฐานได้ดังนี้:

 

การตั้ง Take Profit (TP)

 

  • วิธีที่ 1: ใช้สัญญาณตรงข้าม: ถือสถานะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเกิดสัญญาณฝั่งตรงข้าม เช่น หากคุณเข้า Buy ให้ถือไปจนกว่าจะเกิดสัญญาณ Sell ของ WaveTrend

  • วิธีที่ 2: ใช้แนวรับ-แนวต้าน: ตั้ง TP ที่บริเวณแนวต้านสำคัญถัดไป (สำหรับฝั่ง Buy) หรือที่แนวรับสำคัญถัดไป (สำหรับฝั่ง Sell)

  • วิธีที่ 3: ใช้ Risk/Reward Ratio: คำนวณระยะ Stop Loss แล้วตั้ง TP ตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า เช่น 1:1.5 หรือ 1:2

 

การตั้ง Stop Loss (SL)

 

  • วิธีที่ 1 (แนะนำ): ใช้ Swing Point ล่าสุด:

    • สำหรับ คำสั่ง Buy: ตั้ง SL ไว้ที่จุดต่ำสุดล่าสุด (Swing Low) ที่เกิดขึ้นก่อนสัญญาณเข้าเทรด

    • สำหรับ คำสั่ง Sell: ตั้ง SL ไว้ที่จุดสูงสุดล่าสุด (Swing High) ที่เกิดขึ้นก่อนสัญญาณเข้าเทรด

  • วิธีที่ 2: ใช้แนวรับ-แนวต้าน:

    • สำหรับ คำสั่ง Buy: ตั้ง SL ไว้ใต้แนวรับสำคัญที่ใกล้ที่สุด

    • สำหรับ คำสั่ง Sell: ตั้ง SL ไว้เหนือแนวต้านสำคัญที่ใกล้ที่สุด

 

ข้อควรระวัง

 

  • ไม่มีอินดิเคเตอร์ใดที่แม่นยำ 100%: WaveTrend ก็เหมือนเครื่องมืออื่นๆ ที่สามารถให้สัญญาณที่ผิดพลาดได้ (False Signal)

  • ทำงานได้ดีในตลาด Sideways: อินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator มักจะทำงานได้ดีที่สุดในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways) หรือมีลักษณะเป็นรอบ (Cyclical) ในตลาดที่มีแนวโน้มแข็งแกร่ง (Strong Trend) อาจให้สัญญาณเข้าเทรดที่สวนเทรนด์และมีความเสี่ยงสูง

  • ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้ WaveTrend ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น การดูโครงสร้างราคา (Market Structure), เส้นแนวโน้ม (Trend Lines), และ Price Action เพื่อยืนยันสัญญาณก่อนเข้าเทรดเสมอ


   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: