เจาะลึก Market Profile: คู่มือเทรดฉบับสมบูรณ์ด้วย Indicator หาโซนราคาอัจฉริยะ
ในโลกของการเทรดที่ซับซ้อน การเข้าใจ "พฤติกรรม" ของตลาดคือหัวใจสำคัญที่แยกเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จออกจากคนทั่วไป Market Profile คือเครื่องมือชั้นยอดที่ช่วยให้เรามองทะลุความผันผวนของราคาและเข้าใจว่าตลาดให้ความสำคัญกับโซนราคาใดมากที่สุด บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะสอนคุณตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน, การติดตั้ง, ไปจนถึงกลยุทธ์การเทรดทำกำไรด้วย Indicator ตัวนี้
Concept: แก่นของ Market Profile คืออะไร?
Market Profile ไม่ใช่ Indicator ที่บอกว่า "ควรซื้อหรือขาย" แต่มันบอกว่า "ตลาดใช้เวลาอยู่ที่ไหน" แนวคิดนี้ถูกคิดค้นโดย J. Peter Steidlmayer เพื่อสร้างแผนภูมิที่แสดงการกระจายตัวของราคาเทียบกับเวลา ทำให้เราเห็นภาพรวมของตลาดในรูปแบบของ "ระฆังคว่ำ" (Bell Shape)จากภาพด้านบน เราสามารถระบุองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้:
-
POC (Point of Control): เส้นสีเหลือง คือระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายหนาแน่นและยาวนานที่สุดในรอบเวลานั้นๆ เปรียบเสมือน "ราคาที่ยุติธรรม" (Fair Price) ที่ตลาดพึงพอใจ และทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดราคา
-
VA (Value Area): โซนแท่งสีฟ้าและเทา คือพื้นที่ที่ปริมาณการซื้อขายประมาณ 70% เกิดขึ้น เปรียบได้กับ "โซนสบาย" (Comfort Zone) ของตลาดในรอบเวลานั้น
-
VAH และ VAL (Value Area High/Low): คือ ขอบบนและขอบล่าง ของ Value Area ทำหน้าที่เป็นแนวต้านและแนวรับที่มีนัยสำคัญทางสถิติสูง เพราะเป็นจุดที่ตลาดเริ่มมองว่าราคา "แพงไป" (ที่ VAH) หรือ "ถูกไป" (ที่ VAL)
วิธีการติดตั้ง Indicator บน TradingView
คุณสามารถเพิ่ม Indicator ตัวนี้ (สร้างโดย LonesomeTheBlue) ลงบนกราฟ TradingView ได้ง่ายๆ:
-
เปิดหน้ากราฟ (Chart) ของคุณใน TradingView
-
คลิกที่เมนู "Indicators" ด้านบน
-
ในช่องค้นหา ให้พิมพ์ชื่อและผู้สร้าง:
Market Profile LonesomeTheBlue -
คลิกที่ผลการค้นหาที่ปรากฏขึ้นมา Indicator ก็จะถูกเพิ่มเข้าไปในกราฟของคุณทันที
-
คุณสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ เช่น สี, Timeframe ในการคำนวณ, หรือความกว้างของเส้นได้โดยคลิกที่ไอคอนรูปเฟือง (Settings) ของ Indicator
วิธีการใช้งานและกลยุทธ์การเทรด (Entry, TP, SL)
หัวใจของการเทรดด้วย Market Profile คือการมองหาโอกาสเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปทดสอบขอบของโซนราคาสำคัญ (VAH/VAL) และใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมที่ราคามักจะวิ่งกลับเข้ามาหาความสมดุลที่ POC
กลยุทธ์เข้าซื้อ (Buy Entry)
-
มองหาสัญญาณ: ราคาย่อตัวลงมาทดสอบที่แนวรับ Value Area Low (VAL) และเริ่มแสดงอาการ "ปฏิเสธราคา" (Rejection) คือไม่หลุดลงไป แต่มีแรงซื้อกลับเข้ามา สังเกตแท่งเทียนกลับตัว เช่น Hammer, Bullish Engulfing หรือสัญญาณ Bullish Divergence ประกอบ
-
จุดเข้า (Entry): เข้าซื้อเมื่อราคาเบรคจุดสูงสุดของแท่งเทียนสัญญาณกลับตัวที่บริเวณ VAL เพื่อเป็นการยืนยันว่าแรงซื้อได้กลับเข้ามาแล้ว
-
จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งไว้ใต้ระดับ VAL เล็กน้อย หรือใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนสัญญาณ เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากการกลับตัวล้มเหลว
-
จุดทำกำไร (Take Profit):
-
TP1: ตั้งที่ระดับ Point of Control (POC) ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกที่ราคามีโอกาสวิ่งกลับไปหา
-
TP2: ตั้งที่ระดับ Value Area High (VAH) ซึ่งเป็นขอบบนของโซนราคา
-
กลยุทธ์เข้าขาย (Sell Entry)
-
มองหาสัญญาณ: ราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบที่แนวต้าน Value Area High (VAH) และแสดงอาการไปต่อไม่ไหว สังเกตแท่งเทียนกลับตัวฝั่งขาย เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing เพื่อยืนยันแรงขาย
-
จุดเข้า (Entry): เข้าขายเมื่อราคาเบรคจุดต่ำสุดของแท่งเทียนสัญญาณกลับตัวที่บริเวณ VAH
-
จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งไว้เหนือระดับ VAH เล็กน้อย หรือเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนสัญญาณ
-
จุดทำกำไร (Take Profit):
-
TP1: ตั้งที่ระดับ Point of Control (POC)
-
TP2: ตั้งที่ระดับ Value Area Low (VAL)
-
บทสรุป
Market Profile ไม่ใช่แค่ Indicator แต่เป็นแว่นตาที่ช่วยให้เรามองเห็นโครงสร้างและจิตวิทยาของตลาดได้อย่างลึกซึ้ง การทำความเข้าใจ POC, VAH, และ VAL จะช่วยให้คุณสามารถระบุโซนซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูง, ตั้งจุด Stop Loss ได้อย่างสมเหตุสมผล, และหาเป้าหมายทำกำไรได้อย่างเป็นระบบ จงจำไว้เสมอว่าควรใช้เครื่องมือนี้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณและบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม แล้วคุณจะพบว่าการเทรดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน
ทิ้งคำตอบไว้
- 45 ฟอรัม
- 3,185 หัวข้อ
- 9,650 กระทู้
- 1,051 ออนไลน์
- 4,189 สมาชิก






