เจาะลึกอินดิเคเตอร์ Volume Bubbles & Liquidity Heatmap by LuxAlgo
บทความนี้จะอธิบายถึงอินดิเคเตอร์ "Volume Bubbles & Liquidity Heatmap" ที่สร้างโดย LuxAlgo ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์ม TradingView โดยจะครอบคลุมตั้งแต่ความหมาย, หลักการทำงาน, วิธีการติดตั้ง, กลยุทธ์การใช้งาน ไปจนถึงข้อควรระวังต่างๆ
1. ความหมายและเป้าหมายหลัก
Volume Bubbles & Liquidity Heatmap คืออินดิเคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume) และสภาพคล่อง (Liquidity) ของตลาดได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ เป้าหมายหลักของเครื่องมือนี้คือการนำเสนอวิธีการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เข้าใจง่าย ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับทุกกรอบเวลาที่เลือก โดยประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลักคือ Volume Bubbles และ Liquidity Heatmap
2. หลักการทำงานของอินดิเคเตอร์
อินดิเคเตอร์นี้ทำงานโดยการแสดงข้อมูลปริมาณการซื้อขายในสองรูปแบบที่ทำงานร่วมกัน
2.1 Volume Bubbles (ฟองสบู่ปริมาณการซื้อขาย)
ฟองสบู่เหล่านี้แสดงปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด โดยมีความหมายดังนี้:
-
ขนาดของฟองสบู่: ขนาดจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลานั้นๆ ฟองสบู่ที่ใหญ่หมายถึงมีปริมาณการซื้อขายสูง และฟองสบู่ที่เล็กหมายถึงมีปริมาณการซื้อขายต่ำ
-
สีของฟองสบู่: สีจะบ่งบอกถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่มากกว่ากัน โดยปกติสีเขียวหมายถึงแรงซื้อมากกว่า และสีแดงหมายถึงแรงขายมากกว่า
-
โหมดการแสดงผล: สามารถเลือกโหมดได้ 3 รูปแบบ:
-
Total Volume: แสดงปริมาณการซื้อขายทั้งหมด
-
Buy & Sell Volume: แบ่งฟองสบู่ออกเป็นสัดส่วนระหว่างปริมาณการซื้อและปริมาณการขาย
-
Delta Volume: แสดงผลต่างสุทธิระหว่างปริมาณการซื้อและขาย ซึ่งช่วยให้เห็นว่าฝั่งใดเป็นผู้ควบคุมตลาดได้ชัดเจนที่สุด
-
2.2 Liquidity Heatmap (แผนที่ความร้อนสภาพคล่อง)
เป็นเครื่องมือที่ช่วยระบุโซนราคาที่สำคัญซึ่งมีสภาพคล่องสะสมอยู่มากหรือน้อย
-
การทำงาน: เครื่องมือจะแบ่งกราฟออกเป็นโซนราคาแนวนอนหลายๆ แถว (โดยค่าเริ่มต้นคือ 25 แถว) และแสดงปริมาณการซื้อขายที่สะสมในแต่ละโซน
-
การตีความสี: สีของแต่ละโซนจะสะท้อนถึงระดับสภาพคล่อง โดยค่าเริ่มต้นคือ:
-
สีแดง: โซนที่มีสภาพคล่องสูง
-
สีเหลือง: โซนที่มีสภาพคล่องปานกลาง
-
สีน้ำเงิน: โซนที่มีสภาพคล่องต่ำ
-
3. สินทรัพย์ที่สามารถใช้งานได้
อินดิเคเตอร์นี้เป็นเครื่องมือที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม TradingView ดังนั้นจึงสามารถใช้งานได้กับสินทรัพย์ทุกประเภทที่มีข้อมูลบน TradingView ไม่ว่าจะเป็น:
-
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)
-
หุ้น (Stocks)
-
ฟอเร็กซ์ (Forex)
-
ดัชนี (Indices)
-
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
4. วิธีการติดตั้งอินดิเคเตอร์
-
เปิดบัญชีและเข้าสู่ระบบบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน TradingView
-
เปิดกราฟของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ
-
คลิกที่เมนู "Indicators" (อินดิเคเตอร์) ที่ด้านบนของหน้าจอ
-
ในช่องค้นหา พิมพ์ชื่ออินดิเคเตอร์: "Volume Bubbles & Liquidity Heatmap"
-
เลือกอินดิเคเตอร์ที่สร้างโดย "LuxAlgo"
-
คลิกที่ชื่ออินดิเคเตอร์หนึ่งครั้งเพื่อเพิ่มลงในกราฟของคุณ
5. วิธีการใช้งาน
กลยุทธ์หลักคือการใช้เครื่องมือทั้งสองส่วนร่วมกันเพื่อ
หาทิศทางของตลาด (Directional Bias) และ หาจังหวะเข้า-ออก (Timing)
5.1 การหาทิศทางของตลาดด้วย Volume Bubbles
ใช้
Delta Bubbles เพื่อดูว่าฝั่งผู้ซื้อ (Buyers) หรือผู้ขาย (Sellers) กำลังควบคุมตลาด
-
สัญญาณกระทิง (Bullish): ฟองสบู่ Delta เป็นสีเขียวและมีขนาดใหญ่ แสดงว่าผู้ซื้อแข็งแกร่งและราคามีแนวโน้มจะสูงขึ้น
-
สัญญาณหมี (Bearish): ฟองสบู่ Delta เป็นสีแดงและมีขนาดใหญ่ แสดงว่าผู้ขายแข็งแกร่งและราคามีแนวโน้มจะลดลง
-
สัญญาณ Divergence: สังเกตความขัดแย้ง เช่น ราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ฟองสบู่ Delta กลับเป็นลบ (สีแดง) หรือมีขนาดบวกที่เล็กลงมาก อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อกำลังจะหมดและอาจมีการกลับตัวเป็นขาลง
5.2 การหาจังหวะเข้าเทรด (Entry Orders)
ใช้
Liquidity Heatmap เป็นตัวกำหนดโซนแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
-
การเข้าซื้อ (Long Entry):
-
หาทิศทาง: มองหาสัญญาณแรงซื้อที่แข็งแกร่งจาก Delta Bubbles (เช่น ฟองสบู่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว หรือฟองสบู่สีเขียวมีขนาดใหญ่ขึ้น)
-
หาจังหวะ: รอให้ราคาย่อตัวลงมาทดสอบโซนที่มีสภาพคล่องสูง (สีแดง/เหลือง) และแสดงสัญญาณการปฏิเสธราคา (Price Rejection) เช่น เกิดแท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Engulfing) ในโซนนั้น การปฏิเสธราคาในโซนสภาพคล่องสูงเป็นสัญญาณเข้าเทรดที่ดี
-
-
การเข้าขาย (Short Entry):
-
หาทิศทาง: มองหาสัญญาณแรงขายที่แข็งแกร่งจาก Delta Bubbles (เช่น ราคาทำ New High แต่ Delta เป็นลบ)
-
หาจังหวะ: รอให้ราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบโซนที่มีสภาพคล่องสูง (สีแดง/เหลือง) และแสดงสัญญาณการปฏิเสธราคาในโซนดังกล่าว จากนั้นจึงพิจารณาเปิดสถานะขาย
-
5.3 การตั้งค่า Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)
แม้ว่าในเอกสารจะไม่ได้ระบุโดยตรง แต่เราสามารถประยุกต์ใช้ Liquidity Heatmap ในการกำหนดจุด TP/SL ได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
-
Take Profit (TP): ตั้งเป้าหมายทำกำไรที่โซนสภาพคล่องสูงถัดไปในทิศทางเดียวกับที่คุณเทรด
-
สำหรับ Long Order: ตั้ง TP ที่โซนสภาพคล่องสีแดง/เหลืองซึ่งอยู่สูงกว่าราคาเข้า
-
สำหรับ Short Order: ตั้ง TP ที่โซนสภาพคล่องสีแดง/เหลืองซึ่งอยู่ต่ำกว่าราคาเข้า
-
-
Stop Loss (SL): ตั้งจุดตัดขาดทุนให้พ้นจากโซนสภาพคล่องที่คุณใช้เป็นจุดอ้างอิงในการเข้าเทรด
-
สำหรับ Long Order: ตั้ง SL ไว้ใต้โซนสภาพคล่องที่คุณใช้เป็นแนวรับ
-
สำหรับ Short Order: ตั้ง SL ไว้เหนือโซนสภาพคล่องที่คุณใช้เป็นแนวต้าน
-
6. ข้อควรระวังและอื่นๆ
-
ความสัมพันธ์ของ Timeframe: เพื่อให้การแสดงผลของฟองสบู่ถูกต้องและชัดเจน ควรตั้งค่า กรอบเวลาของกราฟ (Chart Timeframe) ให้ต่ำกว่ากรอบเวลาของฟองสบู่ (Bubble Timeframe) ยิ่งต่างกันมาก ภาพจะยิ่งชัดเจนขึ้น
-
จำนวนแท่งเทียน: ต้องแน่ใจว่ามีจำนวนแท่งเทียนในกราฟเพียงพอต่อการคำนวณของฟองสบู่แต่ละลูก
-
ไม่ควรใช้เดี่ยวๆ: อินดิเคเตอร์นี้เป็นเครื่องมือช่วยยืนยัน ไม่ใช่ระบบเทรดที่สมบูรณ์ในตัวเอง ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น โครงสร้างราคา, Price Action, หรืออินดิเคเตอร์ตัวอื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
-
ข้อมูลในอดีต: อินดิเคเตอร์ทุกตัวสร้างขึ้นจากข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต จึงไม่มีการรับประกันผลในอนาคต ควรมีการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ดีเสมอ
ดีนะ
ทิ้งคำตอบไว้
- 44 ฟอรัม
- 2,974 หัวข้อ
- 8,509 กระทู้
- 19 ออนไลน์
- 3,945 สมาชิก