coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
พิชิตความผันผวน: คู...
 
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

พิชิตความผันผวน: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ Indicator "Historical Volatility"

3 กระทู้
3 ผู้ใช้
6 Reactions
22 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank E
เข้าร่วม: 11 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 446
หัวข้อเริ่มต้น  

ในโลกของการเทรดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน "ความผันผวน" คือปัจจัยสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องทำความเข้าใจ อินดิเคเตอร์ Historical Volatility (HV) หรือ "ความผันผวนในอดีต" คือเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยให้คุณวัดระดับความเสี่ยง, หาจังหวะเข้า-ออก และบริหารจัดการพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ HV ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์การเทรดจริง

 

Concept: Historical Volatility คืออะไร?

 

Historical Volatility คืออินดิเคเตอร์ที่ใช้วัด "อัตราการเปลี่ยนแปลง" ของราคา ไม่ได้ชี้นำทิศทางราคาโดยตรง แต่จะบอกเราว่าราคาของสินทรัพย์นั้นมีการแกว่งตัวขึ้นลงรุนแรงมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

  • ค่า HV สูง: บ่งชี้ว่าตลาดมีความผันผวนสูง ราคาเคลื่อนไหวรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งอาจหมายถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสำหรับเทรดเดอร์สาย Day Trade หรือ Scalping ในการทำกำไรจากส่วนต่างราคาในระยะสั้น

  • ค่า HV ต่ำ: บ่งชี้ว่าตลาดมีความนิ่งหรืออยู่ในช่วงพักตัว (Consolidation) ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ (Breakout) ในไม่ช้า

สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ HV บอกเราถึง "ระดับความกลัวและความไม่แน่นอน" ในตลาด แต่ไม่ได้บอกว่าราคาจะขึ้นหรือลง

 

วิธีการติดตั้ง Indicator บน TradingView

 

คุณสามารถเพิ่มอินดิเคเตอร์ Historical Volatility ลงบนกราฟของคุณใน TradingView ได้ง่ายๆ ดังนี้:

  1. เปิดกราฟของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ

  2. คลิกที่ปุ่ม "Indicators" (อินดิเคเตอร์) ที่แถบเครื่องมือด้านบน

  3. ในช่องค้นหา พิมพ์คำว่า "Historical Volatility"

  4. เลือกอินดิเคเตอร์ที่ชื่อ "Historical Volatility" จากรายการที่ปรากฏขึ้นมา

  5. อินดิเคเตอร์จะปรากฏขึ้นที่ส่วนล่างของกราฟราคาของคุณ โดยทั่วไปจะแสดงเป็นเส้นกราฟที่แกว่งตัวขึ้นลง

 

วิธีการใช้งาน: กลยุทธ์การเข้าเทรด (Entry) และการทำกำไร/ตัดขาดทุน (TP/SL)

 

แม้ HV จะไม่ได้ให้สัญญาณซื้อขายโดยตรง แต่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพได้

กลยุทธ์ที่ 1: เทรดตามแนวโน้มเมื่อความผันผวนสูง

เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับช่วงที่ตลาดมีความชัดเจน

  • สัญญาณเข้าซื้อ (Entry Buy):

    1. ราคายืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เช่น EMA 20 เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น

    2. เกิดแท่งเทียนกระทิง (Bullish Candlestick) เช่น Engulfing หรือ Pin Bar

    3. ค่า Historical Volatility เริ่มปรับตัวสูงขึ้น หรือสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยของตัวมันเอง (สามารถเพิ่ม MA ให้กับ HV ได้) เป็นการยืนยันว่ามีแรงซื้อเข้ามาในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ

  • สัญญาณเข้าขาย (Entry Sell):

    1. ราคาอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อยืนยันแนวโน้มขาลง

    2. เกิดแท่งเทียนหมี (Bearish Candlestick) เช่น Engulfing หรือ Shooting Star

    3. ค่า Historical Volatility เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เป็นการยืนยันว่ามีแรงขายเข้ามาอย่างรุนแรง

กลยุทธ์ที่ 2: เทรดเมื่อเกิดการ Breakout จากช่วงความผันผวนต่ำ

เป็นกลยุทธ์ที่ใช้หาโอกาสเทรดเมื่อตลาดเปลี่ยนจากสภาวะนิ่งเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่

  • สัญญาณเข้าซื้อ (Entry Buy):

    1. สังเกตช่วงที่ Historical Volatility มีค่าต่ำมาก และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เป็นเวลานาน (ตลาดพักตัว)

    2. รอให้ราคา ทะลุ (Breakout) แนวต้านสำคัญขึ้นไป พร้อมกับ ค่า HV ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    3. เข้าซื้อเมื่อแท่งเทียน Breakout ปิดตัวลง

  • สัญญาณเข้าขาย (Entry Sell):

    1. สังเกตช่วงที่ Historical Volatility มีค่าต่ำมาก

    2. รอให้ราคา ทะลุ (Breakout) แนวรับสำคัญลงมา พร้อมกับ ค่า HV ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    3. เข้าขายเมื่อแท่งเทียน Breakout ปิดตัวลง

 

การตั้งจุดทำกำไร (Take Profit - TP) และตัดขาดทุน (Stop Loss - SL)

 

การใช้ความผันผวนมาช่วยกำหนด TP/SL เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะมันปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะตลาดจริง

  • การตั้ง Stop Loss (SL):

    • ใช้ ATR (Average True Range): อินดิเคเตอร์ ATR เป็นเครื่องมือวัดความผันผวนที่ยอดเยี่ยม คุณสามารถตั้ง SL โดยอิงจากค่า ATR ได้ เช่น ตั้ง SL ไว้ที่ 1.5 หรือ 2 เท่าของค่า ATR จากจุดเข้าเทรด วิธีนี้จะช่วยให้ SL ของคุณไม่แคบหรือกว้างจนเกินไปตามสภาวะตลาดในขณะนั้น

    • อิงตามโครงสร้างราคา: สำหรับการเข้าซื้อ (Buy) ให้ตั้ง SL ไว้ที่จุดต่ำสุดก่อนหน้า (Previous Low) และสำหรับการเข้าขาย (Sell) ให้ตั้ง SL ไว้ที่จุดสูงสุดก่อนหน้า (Previous High)

  • การตั้ง Take Profit (TP):

    • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio): เป็นวิธีที่นิยมที่สุด กำหนดอัตราส่วนที่คุณพอใจ เช่น 1:1.5 หรือ 1:2 หมายความว่าหากคุณเสี่ยง 1 ส่วน คุณคาดหวังผลกำไร 1.5 หรือ 2 ส่วน

    • แนวรับ-แนวต้านถัดไป: มองหาแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญในอดีตเป็นเป้าหมายในการทำกำไร

ข้อควรจำ: Historical Volatility เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจ ควรใช้เพื่อ "ยืนยัน" สภาวะตลาดและบริหารความเสี่ยงเท่านั้น ขอให้ทุกท่านเทรดอย่างมีสติและประสบความสำเร็จค่ะ


   
อ้างอิง
Love.me.me1
(@love-me-me1)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank F
เข้าร่วม: 2 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 98
 

ขอบคุนค่า


   
IPeeOay5 and Notnaruyang reacted
ตอบอ้างอิง
Notnaruyang
(@not_tha_pong91)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank F
เข้าร่วม: 2 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 89
 

ขอบคุณฮ๊าบบ


   
IPeeOay5 reacted
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: