ตัวชี้วัดสำคัญในการเลือกดู

1. ปริมาณการซื้อขาย – พิจารณาจาก Daily Trading Volume

2. ส่วนต่างราคา (Spread) – ค่าใช้จ่ายในการเปิด-ปิดออเดอร์

3. ความผันผวนเฉลี่ยต่อวัน – โอกาสทำกำไรจากเคลื่อนไหวราคา

🌟 คู่เงินเทรดง่าย 5 คู่

1. EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์)

• คู่เงินอันดับ 1 ของตลาด (30% ของปริมาณทั้งหมด) 

• Spread แคบ (0.1–0.3 pips), เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ, ข่าวเยอะ

• เหมาะกับทุกสไตล์เทรดโดยเฉพาะ News & Grid Trading

ข้อดี–ข้อเสีย

• ✅ สภาพคล่องสูง ต้นทุนต่ำ

• ⚠️ ต้องแข่งขันกับเทรดเดอร์จำนวนมาก

2. GBP/USD (ปอนด์/ดอลลาร์)

• ชื่อเล่น “Cable”

• มีความผันผวนสูง เหมาะกับเทรดแบบ Breakout และ Price Action

ข้อดี–ข้อเสีย

• ✅ ทำกำไรได้เร็ว

• ⚠️ Spread กว้าง (0.5‑1 pips), เสี่ยงสูงในช่วงข่าว

3. USD/JPY (ดอลลาร์/เยน)

• เรียกว่า “Ninja”

• เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ เน้นเทรนด์, เสียงตอบสนองดีเช้าโตเกียว (

ข้อดี–ข้อเสีย

• ✅ เทรดช่วงเช้า, เหมาะกับ Carry Trade

• ⚠️ บางช่วงเคลื่อนไหวช้า รายได้ต่อตัวค่อนข้างต่ำ

4. AUD/USD (ออสเตรเลีย/ดอลลาร์)

• ชื่อเล่น “Aussie”

• เคลื่อนไหวสอดคล้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เหล็ก 

ข้อดี–ข้อเสีย

• ✅ เทรนชัด เหมาะ Swing Trading

• ⚠️ ผันผวนสูงตามตลาดจีน ต้องติดตามข่าวเศรษฐกิจ

5. USD/CAD (ดอลลาร์/แคนาดา)

• รู้จักในชื่อ “Loonie”

• เคลื่อนไหวสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน เหมาะ Hedging กับน้ำมันดิบ 

ข้อดี–ข้อเสีย

• ✅ เหมาะเทรดช่วงตลาดอเมริกาเหนือ

• ⚠️ Spread ปานกลาง-ค่อนข้างสูง ต้องติดตามปัจจัยสินค้าน้ำมัน

🧭 เคล็ดลับเลือกคู่เงินให้เหมาะกับตัวเอง

1. เริ่มต้นศึกษาจากคู่เดียวให้ชำนาญ

2. เลือกตามช่วงเวลาที่คุณพร้อมเทรด

3. สังเกตความสัมพันธ์กับข่าวเศรษฐกิจและสินค้าโภคภัณฑ์

4. ปรับให้เข้ากับสไตล์ เช่น Scalping (EUR/USD), Swing (GBP/USD, AUD/USD), News Trading (EUR/USD, GBP/USD) 

สรุปสั้น

• แต่ละคู่เงินมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน

• ให้เลือกตามสไตล์ เงินทุน และเวลาที่คุณมี

• แนะนำให้เริ่มจากบัญชีทดลอง เพื่อค้นหาคู่ที่เหมาะที่สุด

• ทั้งหมดนี้ ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex

อ่านบทเต็มต่อได้ที่ เทรด Forex คู่เงินไหนดี ? แนะนำ 5 คู่เงินที่เทรดง่ายสุด ⋆