ถ้าออกออเดอร์ 0.01 ล็อต เท่ากัน สมมุติ เลเวอเรจ 1:500 หรือ 1:1000 จะกินมาร์จิ้น ไม่เท่ากัน แต่พอเปิดออเดอร์แล้ว กำไรหรือขาดทุนจากกราฟวิ่งจะ เท่ากันเป๊ะ เพราะมันขึ้นกับระยะการเคลื่อนที่ของราคา ไม่ใช่เลเวอเรจ ครับ

โพสโดย: @aetrader01

↑

ถ้าออกออเดอร์ 0.01 ล็อต เท่ากัน สมมุติ เลเวอเรจ 1:500 หรือ 1:1000 จะกินมาร์จิ้น ไม่เท่ากัน แต่พอเปิดออเดอร์แล้ว กำไรหรือขาดทุนจากกราฟวิ่งจะ เท่ากันเป๊ะ เพราะมันขึ้นกับระยะการเคลื่อนที่ของราคา ไม่ใช่เลเวอเรจ ครับ

ไม่เท่ากันครับ

การออกออเดอร์ที่ขนาด 0.01 лот หรือขนาดสัญญา (lot size) เท่ากัน แต่ใช้เลเวอเรจ (leverage) ที่แตกต่างกัน จะใช้เงินประกัน (margin) ในการเปิดออเดอร์ ไม่เท่ากัน

พูดง่ายๆ คือ ยิ่งเลเวอเรจสูง เงินที่ใช้เปิดออเดอร์ก็จะยิ่งน้อยลง และในทางกลับกัน ยิ่งเลเวอเรจต่ำ เงินที่ใช้เปิดออเดอร์ก็จะยิ่งสูงขึ้น

หลักการทำงานของ Leverage และ Margin

• Leverage คือเครื่องมือที่โบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อทำการเทรดในขนาดสัญญาที่ใหญ่กว่าเงินทุนจริงที่คุณมี เช่น Leverage 1:100 หมายความว่าคุณสามารถควบคุมขนาดการเทรดที่ใหญ่กว่าเงินของคุณได้ 100 เท่า

• Margin คือเงินประกันที่โบรกเกอร์กันไว้จากบัญชีของคุณเพื่อเปิดและรักษาออเดอร์นั้นๆไว้ ซึ่งจำนวนเงินนี้จะขึ้นอยู่กับ Leverage ที่คุณเลือกใช้

ตัวอย่างเปรียบเทียบ

สมมติว่าคุณต้องการเปิดออเดอร์ EUR/USD ขนาด 0.01 lot ซึ่งมีขนาดสัญญามาตรฐาน (Contract Size) เท่ากับ 100,000 ยูโร ดังนั้นขนาดการเทรดของคุณคือ:

0.01 lot * 100,000 = 1,000 ยูโร

ทีนี้เรามาดูว่าถ้าใช้ Leverage ต่างกัน จะต้องใช้ Margin เท่าไหร่ (สมมติให้ราคา EUR/USD อยู่ที่ 1.0800 เพื่อคำนวณเป็นดอลลาร์สหรัฐ):

จากตารางจะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้จะเปิดออเดอร์ขนาด 0.01 lot เท่ากัน แต่การเลือกใช้ Leverage ที่ต่างกันส่งผลโดยตรงต่อจำนวนเงินที่ถูกใช้ไปเพื่อเป็น Margin

ข้อควรจำ: 📝 ถึงแม้ว่าการใช้ Leverage สูงจะทำให้คุณใช้ Margin น้อยลงและสามารถเปิดออเดอร์ที่ใหญ่ขึ้นได้ แต่มันก็เหมือนดาบสองคม เพราะมันจะขยายทั้งกำไรและขาดทุนของคุณให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน การเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบต่อบัญชีของคุณได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรเลือกใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้