เว็บบอร์ดลงโพสต์ฟรี
ดูอันดับนักแข่ง ea
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

เผยเคล็ดลับ "จอกศักดิ์สิทธิ์" แห่งการเทรด: ไม่ใช่การทำนาย แต่คือวินัยและคณิตศาสตร์

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
2 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank F
เข้าร่วม: 11 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 304
หัวข้อเริ่มต้น  

สำหรับนักเทรดจำนวนมาก การค้นหา "จอกศักดิ์สิทธิ์" (The Holy Grail) เปรียบเสมือนการไล่ตามสูตรลับที่จะทำนายตลาดได้อย่างแม่นยำและสร้างผลกำไรมหาศาลในไม้เดียว แต่สำหรับนักเทรดระดับตำนานอย่าง มาร์ค มิเนอร์วินี (Mark Minervini) แนวคิดนี้คือความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ เพราะหัวใจที่แท้จริงของการเทรดที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ที่การทำนายอนาคต แต่อยู่ที่การใช้ "กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด" อย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ

จุดเริ่มต้น: เข้าใจความน่าจะเป็นและจุดซื้อที่ได้เปรียบ

มิเนอร์วินีอธิบายว่า การเทรดที่ประสบความสำเร็จเริ่มต้นจากการเข้าใจธรรมชาติของการเคลื่อนไหวของราคาหลังจุดซื้อที่เหมาะสม เขามองว่าเมื่อเข้าซื้อ ณ จุดที่เหมาะสมแล้ว โอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวในฝั่งบวกหรือลบนั้นมีพอๆ กันคือ 50:50 คล้ายกับการโยนเหรียญ ดังนั้นเป้าหมายของนักเทรดจึงไม่ใช่การคาดเดาให้ถูก 100% ว่าหุ้นจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ใด แต่คือการวางระบบเพื่อ "ทำกำไร" เมื่อราคาเคลื่อนไหวในฝั่งบวก และ "ตัดขาดทุน" ให้เร็วที่สุดเมื่อราคาเคลื่อนไหวในฝั่งลบ

หัวใจสำคัญ: อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)

เมื่อเราไม่สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ สิ่งที่ควบคุมได้คือขนาดของกำไรและขาดทุนในแต่ละครั้ง มิเนอร์วินีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ผ่าน "อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน" ที่น่าพอใจ โดยในอุดมคติคือ 3 ต่อ 1

ลองนึกภาพว่า หากคุณตั้งเป้าทำกำไรเฉลี่ยที่ 15% และจำกัดการขาดทุนไว้ที่ 5% ในทุกๆ การเทรด นั่นหมายความว่าทุกครั้งที่คุณกำไร คุณจะได้เงิน 3 หน่วย แต่ทุกครั้งที่ขาดทุน คุณจะเสียเพียง 1 หน่วย แม้ว่าคุณจะเทรดถูกเพียงครึ่งเดียว (ชนะ 5 ครั้ง ขาดทุน 5 ครั้ง จากการเทรด 10 ครั้ง) ผลลัพธ์สุทธิของคุณก็ยังคงเป็นกำไรอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เขายังชี้ให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่คุณเทรดถูกเพียง 40% (ชนะ 4 ขาดทุน 6) ด้วยอัตราส่วน 3:1 นี้ คุณก็ยังสามารถทำกำไรได้ เพราะผลกำไรจากครั้งที่ชนะนั้นใหญ่พอที่จะชดเชยการขาดทุนทั้งหมดและยังเหลือส่วนต่างเป็นบวก

เปลี่ยนมุมมอง: จาก "กำไรสูงสุด" สู่ "กำไรที่เหมาะสมที่สุด"

นักเทรดรายย่อยจำนวนมากมักตกหลุมพรางของการพยายามถือหุ้นเพื่อให้ได้ "กำไรสูงสุด" ในไม้เดียว เช่น การหวังผลตอบแทน 100% ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานและทำให้พลาดโอกาสในการนำเงินทุนไปสร้างผลตอบแทนในหุ้นตัวอื่น (Opportunity Cost)

มิเนอร์วินีเสนอแนวคิด "กำไรที่เหมาะสมที่สุด" (Optimum Gain) ซึ่งคือการมองหาผลกำไรในระดับที่เกิดขึ้นได้บ่อยและสม่ำเสมอ เพื่อนำเงินทุนกลับมาหมุนเวียนสร้างผลตอบแทนทบต้นให้เร็วที่สุด เขาเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า การทำกำไร 10% จำนวน 8 ครั้ง สามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมได้สูงกว่าการทำกำไร 100% เพียงครั้งเดียว นี่คือพลังของการเทรดอย่างสม่ำเสมอและการทบต้น

บทสรุป

ท้ายที่สุดแล้ว "จอกศักดิ์สิทธิ์" ในโลกแห่งการเทรดของมาร์ค มิเนอร์วินี ไม่ใช่เครื่องมือทำนายตลาดวิเศษ แต่คือ แนวทางการเทรดที่ประกอบด้วยวินัย ความสม่ำเสมอ และความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ เป็นการเปลี่ยนโฟกัสจากการพยายามเอาชนะตลาดในทุกครั้ง มาสู่การบริหารจัดการความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้แน่ใจว่าในระยะยาว พอร์ตการลงทุนจะเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน แม้จะไม่ได้ชนะในทุกๆ การเทรดก็ตาม


   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: