coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

ทองคำในระยะยาว: วิเคราะห์แนวโน้ม ทิศทาง และกลยุทธ์ Martingale สำหรับเงินทุน 3,000 USD

2 กระทู้
2 ผู้ใช้
3 Reactions
793 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 508
หัวข้อเริ่มต้น  

ผมจะพยากรณ์แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำในระยะยาว พร้อมทั้งวิเคราะห์ระดับราคาต่ำสุดที่น่าจะเกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการวางแผนการเทรดด้วยระบบกริด Martingale สำหรับเงินทุน 3,000 USD (Cent Account, Leverage 2000) โดยเน้นเฉพาะฝั่ง Buy 

บทความพยากรณ์แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำในระยะยาว

ภาพรวมราคาทองคำปัจจุบัน

ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,330.10 USD (อ้างอิงจาก Investing.com) โดยมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ -28.60 (-0.85%) ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 03:59:59 น. เมื่อพิจารณากราฟระยะยาว จะเห็นว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา มีการทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time high) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาทองคำในระยะยาว

  1. อัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน: โดยทั่วไปแล้ว หากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ) เพิ่มขึ้น ทองคำมักจะได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปหาผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายธนาคารกลางทั่วโลกกำลังพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากช่วงเวลาของการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว เนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำจะลดลง และทองคำจะมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ
  2. อัตราเงินเฟ้อ: ทองคำถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) ที่ดี เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น กำลังซื้อของสกุลเงินจะลดลง และทองคำจะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ดีกว่า ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
  3. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก: สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ สงครามการค้า หรือความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะผลักดันให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาสูงขึ้น
  4. อุปสงค์และอุปทาน: อุปสงค์จากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอุปสงค์จากภาคเครื่องประดับและอุตสาหกรรม และการลงทุนในกองทุน ETF ทองคำ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาทองคำในระยะยาว แม้ว่าการผลิตทองคำจะมีข้อจำกัด แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นแรงหนุน
  5. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ: โดยทั่วไปแล้ว ราคาทองคำมีความสัมพันธ์ผกผันกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทองคำจะดูมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ทำให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นและราคาสูงขึ้น
  6. นโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก: การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางหลัก เช่น Fed (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ECB (ธนาคารกลางยุโรป) และ BoJ (ธนาคารกลางญี่ปุ่น) มีผลกระทบอย่างมากต่อราคาทองคำในระยะยาว

พยากรณ์แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำในระยะยาว (1-3 ปีข้างหน้า)

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ผมมองว่าแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว (1-3 ปีข้างหน้า) ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ดังนี้:

  • แนวโน้มการลดดอกเบี้ย: แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่คาดว่าจะมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการถือครองทองคำและเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินทรัพย์นี้
  • ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก: ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หรือความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจในบางภูมิภาค อาจทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยม
  • อุปสงค์จากธนาคารกลาง: ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงเดินหน้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญต่อราคาทองคำ
  • เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง: ถึงแม้เงินเฟ้อจะเริ่มลดลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ทองคำยังคงเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่น่าสนใจ

ระดับราคาต่ำสุดที่น่าจะเกิดขึ้นในระยะยาว

จากการวิเคราะห์กราฟระยะยาวจะเห็นว่าราคาทองคำมีการปรับฐานเป็นช่วงๆ แต่จุดต่ำสุดของแต่ละรอบปรับฐานจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากพิจารณาจากภาพกราฟระยะยาว (ปี 2017 - ปัจจุบัน) ราคาต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ประมาณ 1,1xx - 1,2xx USD ในช่วงปี 2017-2018 และประมาณ 1,6xx USD ในช่วงปี 2022 อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นที่แข็งแกร่ง การคาดการณ์ราคาต่ำสุดอาจจะต้องพิจารณาจากแนวรับที่สำคัญทางเทคนิค

จากข้อมูลที่มีอยู่และพฤติกรรมราคาทองคำในอดีต (ตั้งแต่ปี 2017) ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง และการปรับฐานที่ยังคงรักษาระดับแนวรับสำคัญไว้ได้ค่อนข้างดี ผมคาดการณ์ว่าระดับราคาต่ำสุดที่น่าจะเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดการปรับฐานรุนแรงในระยะยาว (ซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด) น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 2,700 USD ซึ่งเป็นระดับที่เคยเป็นแนวต้านสำคัญก่อนที่จะทะลุขึ้นไป และอาจกลับมาเป็นแนวรับที่แข็งแกร่งได้อีกครั้งหากมีการปรับฐานครั้งใหญ่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้เป็นเพียงการประมาณการและสถานการณ์จริงอาจแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป


การวางแผนการเทรดด้วยระบบกริด Martingale (เฉพาะฝั่ง Buy) สำหรับทองคำ

หลักการของระบบกริด Martingale (Buy Side):

ระบบ Martingale เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เพิ่ม Lot Size เป็นสองเท่า (หรือตามตัวคูณที่กำหนด) ในทุกๆ การเปิดออร์เดอร์ใหม่เมื่อราคาเคลื่อนที่สวนทางกับทิศทางที่เราเทรด (ในกรณีนี้คือราคาลดลง) โดยมีเป้าหมายที่จะทำกำไรเมื่อราคากลับตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก็สามารถครอบคลุมผลขาดทุนทั้งหมดและได้กำไรจากออร์เดอร์ล่าสุดที่เปิดไว้

ข้อควรระวัง: ระบบนี้ต้องการเงินทุนจำนวนมากเพื่อรองรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นหลายครั้ง และมีความเสี่ยงสูงหากราคายังคงเคลื่อนที่สวนทางอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลการเทรด:

  • เงินทุน: 3,000 USD
  • ประเภทบัญชี: Cent Account (1 USD = 100 Cent) หรือ 300,000 Cent
  • Leverage: 2000
  • จำนวน Order: 10 Orders
  • ระยะห่างกริด: 180 USD
  • Lot Size เริ่มต้น (Cent Account): 0.01 Lot
  • ตัวคูณ Lot Size: 2

การคำนวณและวางแผน:

1. ระดับราคาที่ต่ำที่สุดที่ต้องการวางกริดถึง:

จากที่ผมได้พยากรณ์ไว้ ระดับราคาต่ำสุดที่น่าจะเกิดขึ้นคือ 2,500 - 2,700 USD เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการวางแผน เราจะใช้ระดับราคาที่ต่ำที่สุดของช่วงคือ 2500 USD เป็นเป้าหมายที่ต้องวางกริดให้ครอบคลุม

2. กำหนดราคาเริ่มต้น (ราคา Buy Order แรก):

จากภาพ ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,330 USD เพื่อให้มีช่องว่างสำหรับการปรับฐานลงมา เราจะสมมติว่าราคาเริ่มต้นของ Order ที่ 1 คือ 3,300 USD

3. คำนวณระดับราคาของแต่ละ Order (เฉพาะฝั่ง Buy):

เราจะเปิด Order Buy เพิ่มเติมเมื่อราคาทองคำลดลง ดังนั้น ระดับราคาของ Order ถัดไปจะลดลงจาก Order ก่อนหน้า 180 USD

  • Order 1: 3,300 USD (Lot Size: 0.01)
  • Order 2: 3,300 - 180 = 3,120 USD (Lot Size: 0.02)
  • Order 3: 3,120 - 180 = 2,940 USD (Lot Size: 0.04)
  • Order 4: 2,940 - 180 = 2,760 USD (Lot Size: 0.08)
  • Order 5: 2,760 - 180 = 2,580 USD (Lot Size: 0.16)
  • Order 6: 2,580 - 180 = 2,400 USD (Lot Size: 0.32)
  • Order 7: 2,400 - 180 = 2,220 USD (Lot Size: 0.64)
  • Order 8: 2,220 - 180 = 2,040 USD (Lot Size: 1.28)
  • Order 9: 2,040 - 180 = 1,860 USD (Lot Size: 2.56)
  • Order 10: 1,860 - 180 = 1,680 USD (Lot Size: 5.12)

หมายเหตุ: การวางกริดถึง Order ที่ 10 ที่ราคา 1,680 USD นั้น ถือว่าครอบคลุมราคาต่ำสุดที่ผมคาดการณ์ไว้ที่ 2,500 - 2,700 USD เป็นอย่างดี และเลยลงไปอีกมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ หากราคาทองคำเกิดการปรับฐานลงมาลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้

4. คำนวณ Margin ที่ต้องใช้สำหรับแต่ละ Order และรวม (Cent Account):

สูตร Margin: (Lot Size * Contract Size * Price) / Leverage

สำหรับทองคำ (XAUUSD) Contract Size โดยทั่วไปคือ 100,000 หน่วย (ในบัญชี Standard) แต่สำหรับ Cent Account Contract Size จะเป็น 100 หน่วย (หรือ 1,000 หน่วยในบางโบรกเกอร์) ในที่นี้เราจะใช้ Contract Size 100 หน่วยสำหรับ Cent Account เพื่อให้ Lot Size 0.01 ใน Cent Account เทียบเท่ากับ 0.0001 ใน Standard Account และ Lot Size 0.01 ใน Cent Account หมายถึงการซื้อขายทองคำ 1 หน่วย (ไม่ใช่ 0.01 ของ 100,000 หน่วย)

ดังนั้น Lot Size 0.01 ในบัญชี Cent จะหมายถึง 1 Cent Lot หรือเท่ากับ 0.01 ของทองคำ 1 Oz (ในที่นี้ 1 Lot = 1 Oz ทองคำ และ 0.01 Lot คือ 0.01 Oz ทองคำ)

สมมติว่า 1 Lot = 100,000 หน่วย (Standard) และ 1 Cent Lot = 100 หน่วย (Cent) ดังนั้น Lot Size 0.01 ใน Cent Account จะเท่ากับ 0.01 * 100 = 1 หน่วย หรือ 0.001 Lot ใน Standard Account

เราจะใช้ Lot Size 0.01 ใน Cent Account ซึ่งหมายถึง 0.01 Lot ของทองคำ 1 Oz (หาก 1 Lot = 1 Oz) หรือใช้หน่วยการคำนวณที่เหมาะสมกับ Cent Account โดยตรง

หาก Lot Size 0.01 ใน Cent Account หมายถึง 0.01 ของ Lot มาตรฐาน (ซึ่งเท่ากับ 0.0001 Lot มาตรฐาน) แต่โดยทั่วไป Lot Size 0.01 ใน Cent Account จะหมายถึง Lot ที่เล็กกว่าปกติ 100 เท่า (0.01 Cent Lot = 0.0001 Standard Lot) ดังนั้น 1 Cent Lot จะเท่ากับ 0.01 Standard Lot

เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น เราจะสมมติว่า Lot Size 0.01 ใน Cent Account หมายถึง 0.01 Lot ของทองคำ 1 Oz (ดังนั้น 1 Lot = 1 Oz ทองคำ)

ดังนั้น Contract Size สำหรับทองคำใน Cent Account คือ 100000 / 100 = 1000 หน่วย (สมมติว่า 1 Lot Standard = 100,000 หน่วย) หรือ 100 หน่วย (หาก 1 Lot Standard = 100 Oz)

เพื่อความแม่นยำในการคำนวณ Margin สำหรับ Cent Account, เราต้องทราบว่า 1 Lot ใน Cent Account มีค่าเท่ากับกี่หน่วยทองคำ (Oz) และมี Contract Size เท่าไหร่

ตามข้อมูล: Lot Size เริ่มต้นคือ 0.01 ในบัญชี Cent หรือ 0.001 ในบัญชี Standard

นี่เป็นการบ่งชี้ว่า Lot Size ใน Cent Account มีหน่วยเล็กกว่า Standard Account 100 เท่า (0.01 Cent Lot = 0.001 Standard Lot)

ดังนั้น หาก 1 Standard Lot ของทองคำเท่ากับ 100 Oz หรือ 100,000 หน่วย

  • 1 Standard Lot (100 Oz) = 100,000 หน่วย
  • 0.001 Standard Lot = 100 หน่วย
  • 0.01 Cent Lot = 0.001 Standard Lot = 100 หน่วย

ดังนั้น Contract Size สำหรับการคำนวณ Margin ใน Cent Account โดยใช้ Lot Size ตามที่คุณระบุ (0.01) จะเป็น 100 หน่วย

สูตร Margin ที่ใช้: (Lot Size * Contract Size * Price) / Leverage โดย Contract Size = 100 หน่วย (สมมติว่า 0.01 Lot ใน Cent Account คือ 1 หน่วย Oz)

  • Order 1: (0.01 * 100 * 3,300) / 2000 = 1.65 USD
  • Order 2: (0.02 * 100 * 3,120) / 2000 = 3.12 USD
  • Order 3: (0.04 * 100 * 2,940) / 2000 = 5.88 USD
  • Order 4: (0.08 * 100 * 2,760) / 2000 = 11.04 USD
  • Order 5: (0.16 * 100 * 2,580) / 2000 = 20.64 USD
  • Order 6: (0.32 * 100 * 2,400) / 2000 = 38.4 USD
  • Order 7: (0.64 * 100 * 2,220) / 2000 = 71.04 USD
  • Order 8: (1.28 * 100 * 2,040) / 2000 = 130.56 USD
  • Order 9: (2.56 * 100 * 1,860) / 2000 = 237.92 USD
  • Order 10: (5.12 * 100 * 1,680) / 2000 = 430.08 USD

รวม Margin ที่ต้องใช้ทั้งหมด = 1.65 + 3.12 + 5.88 + 11.04 + 20.64 + 38.4 + 71.04 + 130.56 + 237.92 + 430.08 = 950.33 USD

5. คำนวณ Drawdown (ขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น) กรณีราคาไปถึง Order สุดท้ายและยังไม่กลับตัว:

Drawdown คือผลรวมของ Lot Size ทั้งหมดคูณด้วยระยะห่างจากราคาเปิดของแต่ละ Order ถึงราคาต่ำสุดที่เปิด Order สุดท้าย (Order 10)

Lot Size สะสม: 0.01 + 0.02 + 0.04 + 0.08 + 0.16 + 0.32 + 0.64 + 1.28 + 2.56 + 5.12 = 10.23 Lot (Cent Lot)

คิดเป็น Standard Lot = 10.23 / 100 = 0.1023 Standard Lot

หาก 1 Standard Lot = 100 Oz Total Lot = 0.1023 * 100 = 10.23 Oz

P/L ของแต่ละ Order เมื่อราคาทองคำอยู่ที่ 1,680 USD (เปิด Order 10):

  • Order 1 (Buy 3,300): (1,680 - 3,300) * 0.01 * 100 = -1,620 USD
  • Order 2 (Buy 3,120): (1,680 - 3,120) * 0.02 * 100 = -2,880 USD
  • Order 3 (Buy 2,940): (1,680 - 2,940) * 0.04 * 100 = -5,040 USD
  • Order 4 (Buy 2,760): (1,680 - 2,760) * 0.08 * 100 = -8,640 USD
  • Order 5 (Buy 2,580): (1,680 - 2,580) * 0.16 * 100 = -14,400 USD
  • Order 6 (Buy 2,400): (1,680 - 2,400) * 0.32 * 100 = -23,040 USD
  • Order 7 (Buy 2,220): (1,680 - 2,220) * 0.64 * 100 = -34,560 USD
  • Order 8 (Buy 2,040): (1,680 - 2,040) * 1.28 * 100 = -46,080 USD
  • Order 9 (Buy 1,860): (1,680 - 1,860) * 2.56 * 100 = -46,080 USD
  • Order 10 (Buy 1,680): (1,680 - 1,680) * 5.12 * 100 = 0 USD

รวม Drawdown ทั้งหมด = -1,620 - 2,880 - 5,040 - 8,640 - 14,400 - 23,040 - 34,560 - 46,080 - 46,080 = -182,340 USD (ในบัญชี Cent)

ซึ่งในบัญชี Cent ที่ 1 USD = 100 Cent

Drawdown ในหน่วย Cent = 182,340 Cent Drawdown ในหน่วย USD = 1,823.40 USD

6. สรุปความเพียงพอของเงินทุน:

  • เงินทุนเริ่มต้น: 3,000 USD
  • Margin ที่ต้องใช้ทั้งหมด: 950.33 USD
  • Drawdown สูงสุดที่คาดการณ์ (เมื่อราคาถึง Order 10): 1,823.40 USD

รวมเงินที่อาจถูกใช้ไป (Margin + Drawdown) = 950.33 + 1,823.40 = 2,773.73 USD

จากตัวเลขนี้ เงินทุน 3,000 USD ถือว่า เพียงพอ ที่จะรองรับการเปิด Order ทั้ง 10 Order และครอบคลุม Drawdown สูงสุดที่คำนวณได้ หากราคาทองคำลดลงไปถึง 1,680 USD

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:

  • ค่าธรรมเนียมและสเปรด: การคำนวณนี้ยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียม (Commission) และสเปรด (Spread) ซึ่งจะลด Equity ของคุณลงอีกเล็กน้อย ควรเผื่อเงินทุนสำรองไว้สำหรับส่วนนี้
  • Slippage: ในภาวะตลาดผันผวน ราคาที่เปิด Order อาจไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ (Slippage) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ Drawdown เล็กน้อย
  • ความผันผวนของตลาด: แม้จะวางกริดไว้ถึงระดับราคาต่ำสุดที่คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดทองคำมีความผันผวนสูง อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นที่ทำให้ราคาทะลุแนวรับสำคัญลงไปอีก ควรมีการประเมินความเสี่ยงและเตรียมแผนสำรอง
  • Psychology: การเทรดด้วยระบบ Martingale ต้องอาศัยวินัยและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง เพราะจะต้องเผชิญกับการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ราคาจะกลับตัว

การนำไปใช้วางแผนการเทรด:

  1. ตั้งค่า EA (Expert Advisor) หรือวางแผนการเปิด Order ด้วยมือ: ตั้งค่าให้ระบบทำการเปิด Order Buy ตามระดับราคาและ Lot Size ที่คำนวณไว้ โดยเริ่มต้นที่ 3,300 USD และทุกๆ 180 USD ที่ราคาลดลง ให้เปิด Order Buy เพิ่มเติม
  2. Take Profit (TP): สำหรับระบบ Martingale จุด TP มักจะถูกตั้งไว้ใกล้กับจุดเปิด Order ล่าสุด หรือจุดเฉลี่ยของ Order ทั้งหมดที่เปิดอยู่ เพื่อให้สามารถปิดกำไรได้ทันทีเมื่อราคากลับตัวขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจาก Lot Size ของ Order สุดท้ายจะมีขนาดใหญ่ที่สุด การที่ราคาขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำกำไรได้แล้ว
    • ตัวอย่างการตั้ง TP: หากราคาลดลงไปถึง Order 5 (เปิดที่ 2,580 USD) และกลับตัวขึ้นไปประมาณ 20-30 USD เหนือจุดเปิด Order 5 ก็สามารถพิจารณาปิดทำกำไรได้
  3. Money Management: แม้การคำนวณจะแสดงว่าเงินทุนเพียงพอ แต่ควรมีการตรวจสอบ Margin Level และ Equity ของบัญชีอย่างสม่ำเสมอ หาก Margin Level ลดลงต่ำกว่าระดับที่ปลอดภัย (เช่น ต่ำกว่า 200-300%) อาจต้องพิจารณาเติมเงินเพิ่ม หรือปรับกลยุทธ์
  4. ความเสี่ยงสูงสุด: ควรตระหนักว่าระบบ Martingale มีความเสี่ยงที่เงินทุนจะหมดได้หากราคายังคงเคลื่อนที่สวนทางอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเกินกว่าระดับกริดที่วางไว้ การพยากรณ์ราคาต่ำสุดเป็นเพียงการคาดการณ์จากข้อมูลในอดีตและปัจจัยปัจจุบันเท่านั้น
  5. Stop Loss (SL): โดยทั่วไป ระบบ Martingale จะไม่มีการตั้ง SL สำหรับแต่ละ Order แต่จะใช้การครอบคลุมด้วยเงินทุนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มั่นใจในแนวโน้มระยะยาว ควรพิจารณาการตั้ง SL สำหรับทั้งระบบ (เมื่อ Drawdown ถึงจุดที่รับได้) เพื่อจำกัดความเสียหาย

สรุป:

การพยากรณ์แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวมีทิศทางเชิงบวก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ และอุปสงค์จากธนาคารกลาง ระดับราคาต่ำสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากมีการปรับฐานรุนแรงอยู่ที่ประมาณ 2,500 - 2,700 USD การวางแผนการเทรดด้วยระบบกริด Martingale โดยมี 10 Orders และระยะห่าง 180 USD ครอบคลุมถึงราคา 1,680 USD ด้วยเงินทุน 3,000 USD (Cent Account, Leverage 2000, Lot Size เริ่มต้น 0.01) ถือว่าเพียงพอต่อการรองรับ Drawdown ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เทรดควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับระบบ Martingale และมีการบริหารจัดการเงินทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด



   
อ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 949
 

WoW น่าติดตามมากขอบคุณค่ะ 😲 



   
James Albert reacted
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: