การใช้ Average True Range (ATR) ในการซื้อขายฟอเร็กซ์: แนวทางการวิเคราะห์ความผันผวนและกลยุทธ์การซื้อขาย
ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) เป็นหนึ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก การซื้อขายในตลาดนี้ต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมคือ Average True Range (ATR) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้วัดระดับความผันผวนของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด ATR ไม่ได้ใช้เพื่อทำนายทิศทางของราคา แต่ใช้เพื่อระบุระดับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น นักเทรดใช้ ATR เพื่อกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-loss) วางขนาดสถานะการซื้อขาย และประมาณการกำไรที่เป็นไปได้บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับแนวคิดของ ATR วิธีการคำนวณ ประโยชน์ในการใช้งาน และกลยุทธ์ในการใช้ ATR ในการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างมีประสิทธิภาพ
1. Average True Range (ATR) คืออะไร
ATR เป็นตัวบ่งชี้ที่พัฒนาโดย J. Welles Wilder ในปี 1978 ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้คิดค้นตัวบ่งชี้ที่สำคัญอื่นๆ เช่น Relative Strength Index (RSI) และ Parabolic SAR ATR ใช้ในการวัดระดับความผันผวนของตลาดโดยคำนวณจาก ช่วงการเคลื่อนไหวที่แท้จริง (True Range, TR) ของราคาภายในแต่ละช่วงเวลา (Timeframe)ค่าของ ATR จะสูงขึ้นเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง และจะลดลงเมื่อราคามีการเคลื่อนไหวในช่วงแคบหรือมีความผันผวนต่ำ
2. วิธีการคำนวณ ATR
ค่าของ True Range (TR) ในแต่ละช่วงเวลาสามารถคำนวณได้จากค่าที่มากที่สุดของ 3 ค่า ดังนี้:
- (High - Low) ของวันปัจจุบัน
- |High ของวันปัจจุบัน - Close ของวันก่อนหน้า| (Absolute value)
- |Low ของวันปัจจุบัน - Close ของวันก่อนหน้า| (Absolute value)
หลังจากคำนวณค่า True Range ในแต่ละวันแล้ว ค่าของ ATR จะถูกคำนวณจากค่าเฉลี่ยของ TR ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยค่า ATR มาตรฐานมักใช้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (Exponential Moving Average - EMA) ของ TR ในช่วง 14 วัน ซึ่งเรียกว่า ATR(14) อย่างไรก็ตาม นักเทรดบางคนอาจใช้ช่วงเวลาอื่น เช่น ATR(7) หรือ ATR(20) ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของตน
3. การใช้ ATR ในการกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และขนาดของสถานะการซื้อขาย
หนึ่งในวิธีการใช้ ATR ที่สำคัญคือ การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss) และการกำหนดขนาดของสถานะ (Position Sizing) ตามความผันผวนของตลาด
3.1 การตั้งค่าจุด Stop-Loss โดยใช้ ATR
การตั้ง Stop-Loss ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารความเสี่ยง นักเทรดสามารถใช้ค่า ATR เพื่อกำหนดจุด Stop-Loss ที่สัมพันธ์กับความผันผวนของตลาดได้โดยใช้กฎง่ายๆ ดังนี้:
- Stop-Loss = ราคาซื้อขายปัจจุบัน ± (ค่า ATR × ตัวคูณ)
- ตัวคูณที่นิยมใช้กัน ได้แก่ 1.5 หรือ 2 เท่าของค่า ATR
ตัวอย่างเช่น ถ้า ATR ปัจจุบันอยู่ที่ 50 pips และใช้ตัวคูณ 2x นักเทรดที่เปิดสถานะซื้อ (Long) อาจวางจุด Stop-Loss ที่ 100 pips ต่ำกว่าราคาซื้อ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับความผันผวนของตลาด
3.2 การกำหนดขนาดของสถานะ (Position Sizing)
ATR ยังสามารถช่วยกำหนดขนาดของสถานะเพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดต้องการเสี่ยง 2% ของเงินทุน และ ATR เป็น 50 pips สามารถคำนวณขนาดของสถานะได้ดังนี้:
ขนาดของสถานะ=จำนวนเงินที่เสี่ยงได้Stop-Loss Distanceขนาดของสถานะ = \frac{\text{จำนวนเงินที่เสี่ยงได้}}{\text{Stop-Loss Distance}}ขนาดของสถานะ=Stop-Loss Distanceจำนวนเงินที่เสี่ยงได้
หากเงินทุนมีอยู่ $10,000 และต้องการเสี่ยงเพียง 2% หรือ $200 และใช้ Stop-Loss ที่ 50 pips ขนาดของสถานะที่เหมาะสมคือ:
4. การใช้ ATR ในการประมาณกำไร (Profit Target)
ATR ยังสามารถใช้ประเมินเป้าหมายกำไร (Take Profit) ได้ โดยนักเทรดสามารถตั้งค่าเป้าหมายกำไรเป็นอัตราส่วนของค่า ATR เช่น:
- เป้าหมายกำไร = ATR × 2
- หรือใช้ ATR เทียบกับแนวต้านและแนวรับเพื่อกำหนดระดับเป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น หากค่า ATR(14) อยู่ที่ 50 pips นักเทรดอาจกำหนดเป้าหมายกำไรที่ 100 pips (ATR × 2) หรือพิจารณาแนวรับ-แนวต้านร่วมด้วย
5. การใช้ ATR ในการจับสัญญาณการซื้อขาย (Breakout)
ATR สามารถช่วยระบุช่วงเวลาที่ตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะ "Breakout" โดยการตรวจสอบช่วงเวลาที่ค่า ATR อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นเวลานาน ซึ่งอาจหมายถึงการสะสมพลังงานของตลาดเพื่อเคลื่อนที่ในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้น
นักเทรดสามารถใช้กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเมื่อ:
- ค่า ATR ต่ำเป็นเวลานานและเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ATR(14) ตัดขึ้น ATR(100) ซึ่งแสดงถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
6. ข้อควรระวังในการใช้ ATR
แม้ว่า ATR จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรคำนึงถึง:
- ATR ไม่สามารถบ่งบอกทิศทางของราคา ได้ ATR บอกเพียงระดับความผันผวนของตลาดเท่านั้น
- ATR อาจไม่เหมาะกับทุกสินทรัพย์ เนื่องจากตลาดบางประเภทมีโครงสร้างความผันผวนที่แตกต่างกัน
- ATR อาจเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป ค่าของ ATR ที่เคยใช้ได้ดีในอดีต อาจไม่เหมาะสมเมื่อเงื่อนไขตลาดเปลี่ยนแปลง
7. บทสรุป
ATR เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์สำหรับนักเทรดที่ต้องการเข้าใจความผันผวนของตลาดและจัดการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพ การใช้ ATR ร่วมกับกลยุทธ์การตั้ง Stop-Loss การกำหนดขนาดสถานะ และการกำหนดเป้าหมายกำไร สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ATR ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน หรือรูปแบบแท่งเทียน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด
การนำค่า Average True Range (ATR) มาคำนวณเป็น pips ขึ้นอยู่กับหน่วยของราคาที่ใช้อยู่ในตลาด Forex โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนนี้:
1. ตรวจสอบหน่วยของ ATR
โดยปกติ ค่า ATR ที่คำนวณออกมาจะอยู่ในหน่วยเดียวกับราคาของคู่เงินนั้น ๆ ดังนั้นเราต้องแปลงหน่วยให้เป็น pips ก่อนนำไปใช้
ตัวอย่าง:
- ถ้าคู่เงินเป็น EUR/USD และ ATR = 0.0012 → แปลงเป็น 12 pips (เพราะทศนิยมตำแหน่งที่ 4 คิดเป็น 1 pip)
- ถ้าคู่เงินเป็น USD/JPY และ ATR = 0.52 → แปลงเป็น 52 pips (เพราะทศนิยมตำแหน่งที่ 2 คิดเป็น 1 pip)
2. สูตรการแปลง ATR เป็น Pips
3. ตัวอย่างการคำนวณ
กรณีคู่เงิน EUR/USD
กรณีคู่เงิน USD/JPY
4. การนำไปใช้
หลังจากแปลงค่า ATR เป็น pips แล้ว เราสามารถใช้ค่านี้ในการ:
- ตั้ง Stop-Loss: เช่น ตั้ง Stop-Loss ห่างจากราคาปัจจุบัน 1.5 × ATR
- ตั้ง Take-Profit: เช่น ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 2 × ATR
- กำหนด Position Sizing: คำนวณขนาดของสถานะซื้อขายโดยใช้ ATR
สรุป
- ATR สามารถแปลงเป็น pips ได้โดยการคูณด้วย 10,000 สำหรับคู่เงินที่มี 4 ตำแหน่งทศนิยม และคูณด้วย 100 สำหรับคู่เงินที่มี 2 ตำแหน่งทศนิยม
- ค่านี้ใช้ในการตั้งค่า Stop-Loss, Take-Profit และบริหารความเสี่ยงในการซื้อขาย
ทิ้งคำตอบไว้
- 41 ฟอรัม
- 1,316 หัวข้อ
- 3,705 กระทู้
- 53 ออนไลน์
- 1,444 สมาชิก