การปิดช่องแคบฮอร์มุซ จะส่งผลกับอะไรในโลกใบนี้บ้าง
🔥 1. ราคาน้ำมันพุ่งสูงทันที
-
ช่องแคบฮอร์มุซเป็นจุดผ่านหลักของการขนส่ง น้ำมันดิบกว่า 20% ของโลก หรือประมาณ 17 ล้านบาร์เรล/วัน
-
การปิดช่องแคบ = อุปทานน้ำมันโลกลดลงทันที ส่งผลให้ ราคาน้ำมันดิบ (WTI, Brent) พุ่งขึ้นรุนแรง
-
ผลกระทบลุกลามไปยังราคาน้ำมันสำเร็จรูป เช่น เบนซิน ดีเซล และ LPG ทั่วโลก
🌍 2. เงินเฟ้อและค่าครองชีพทั่วโลกพุ่ง
-
ราคาน้ำมันเป็นต้นทุนพื้นฐานของระบบขนส่ง-โลจิสติกส์
-
เมื่อพลังงานแพง ต้นทุนสินค้าก็สูงขึ้น → เงินเฟ้อพุ่ง → ค่าครองชีพประชาชนเพิ่มทั่วโลก
-
ธนาคารกลางต่าง ๆ อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ → กระทบเศรษฐกิจโดยรวม
⚔️ 3. ความตึงเครียดทางการเมือง-ทหารพุ่ง
-
ประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น สหรัฐฯ, ซาอุฯ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาจตอบโต้ด้วยกำลังทางทหาร
-
อิหร่าน (ซึ่งควบคุมฝั่งหนึ่งของช่องแคบ) อาจถูกคว่ำบาตรหนัก หรือเผชิญความขัดแย้งทางทหารโดยตรง
📉 4. ตลาดการเงินโลกผันผวนหนัก
-
ดัชนีหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่และเอเชีย จะผันผวนหรือร่วงลง
-
นักลงทุนจะหนีไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ, เงินสด, พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
-
ความไม่แน่นอนสูง → ความเสี่ยงทางการเงินระดับโลก
🚢 5. การขนส่งทางเรือถูกกระทบ
-
เรือบรรทุกน้ำมันและสินค้าไม่สามารถผ่านได้ → ต้องเลี่ยงไปเส้นทางอื่นที่ไกลและแพงกว่า
-
กระทบห่วงโซ่อุปทานโลก (supply chain) โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่นำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง
🛢️ 6. ผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน
-
หากส่งออกไม่ได้เพราะปิดช่องแคบ จะทำให้รายได้หาย เช่น อิรัก คูเวต กาตาร์
-
อาจเกิดปัญหาภายในประเทศ เช่น วิกฤตงบประมาณ หรือความไม่สงบภายใน
ผลกระทบต่อประเทศไทย
-
ราคาน้ำมันแพงทันที ค่าครองชีพในประเทศสูงขึ้น
-
ต้นทุนธุรกิจโดยเฉพาะภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
-
เงินเฟ้อกดดันเศรษฐกิจและการบริโภคภายใน
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆมีประโยชน์ค่ะ 😊
ทิ้งคำตอบไว้
- 42 ฟอรัม
- 2,322 หัวข้อ
- 6,754 กระทู้
- 44 ออนไลน์
- 2,492 สมาชิก