วันนี้ได้นำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องเลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์ แปลโดย thaiforextrading.com ไปเข้าเนื้อหากัน

การแนะนำ

เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ [forex] สามารถควบคุมเงินทุนจำนวนมากด้วยเงินจำนวนเล็กน้อย และนี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของการซื้อขายฟอเร็กซ์ เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มผลกำไรจากการเคลื่อนที่ของราคาได้ดีของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้ อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจยังมาพร้อมกับความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เนื่องจากสามารถเพิ่มการขาดทุนจากการเคลื่อนที่ของราคาที่ไม่อาจผิดทางได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่าเลเวอเรจทำงานอย่างไรใน [การซื้อขายฟอเร็กซ์] และวิธีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร

เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์คือการใช้เงินที่ยืมมา (หรือเรียกว่ามาร์จิ้น) จาก [โบรกเกอร์] ซึ่งแนวคิดของเลเวอเรจนั้นพบได้ทั่วไปในการซื้อขายฟอเร็กซ์ เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายปริมาณที่ใหญ่กว่าสิ่งที่พวกเขาสามารถจ่ายได้ด้วยเงินของตนเอง

ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์มีเงินในบัญชี $1,000 และต้องการซื้อ EUR/USD มูลค่า $10,000 พวกเขาสามารถใช้อัตราส่วนเลเวอเรจ 1:10 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องวางเงินประกัน $1,000 เท่านั้นและยืมส่วนที่เหลือจาก นายหน้าโบรกเกอร์

มาร์จิ้นคือเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าตามสัญญาของการค้าที่เทรดเดอร์ต้องถือไว้ในบัญชีเพื่อเป็นหลักประกัน ส่วนอัตราเลเวอเรจคืออัตราส่วนของมูลค่าตามสัญญาของการซื้อขายต่อ [ อัตรากำไรขั้นต้น] ที่ต้องการ โบรกเกอร์แต่ละราย อาจเสนออัตราส่วนเลเวอเรจที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของการซื้อขาย อัตราเลเวอเรจทั่วไปบางส่วนคือ 1:10, 1:50, 1:100, 1:500

เลเวอเรจส่งผลต่อผลกำไรและขาดทุนในการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างไร?
[เลเวอเรจ] สามารถเพิ่มการขยายทั้งผลกำไรและขาดทุนใน [การซื้อขายฟอเร็กซ์]  กำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายฟอเร็กซ์คำนวณโดยการคูณจำนวน pip (หน่วยที่เล็กที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคา) ด้วยขนาดการซื้อขาย (จำนวนหน่วยของสกุลเงินที่ซื้อขาย) และด้วยมูลค่าของแต่ละ pip ​​(ซึ่งขึ้นอยู่กับ [ คู่สกุลเงิน] และอัตราแลกเปลี่ยนนั้นๆ)

ตัวอย่างเช่น หากเทรดเดอร์ ซื้อ EUR/USD 10,000 หน่วย ที่ราคา 1.1000 และขายที่ราคา 1.1050 พวกเขาจะทำกำไรได้ 50 pip x 10,000 หน่วย x $0.0001 ต่อ pip = $50

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาใช้อัตราส่วนเลเวอเรจ 1:10 พวกเขาจะต้องวาง [มาร์จิ้น] ไว้ที่ $1,000 และยืม $9,000 จากโบรกเกอร์ ในกรณีนี้ กำไรของพวกเขายังคงอยู่ที่ $50 แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่ามาก: 50 / 1,000 x 100% = 5%

ในทางกลับกัน หากการเทรดสวนทาง และพวกเขาขายที่ราคา 1.0950 แทนที่จะเป็นราคา 1.1050 พวกเขาจะเสีย 50 pip x 10,000 หน่วย x $0.0001 ต่อ pip = $50 นั่นเอง แต่เนื่องจากพวกเขาใช้เลเวอเรจ การขาดทุนจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน: 50 / 1,000 x 100% = -5% 

ถ้าหากพวกเขาใช้เงินของตัวเองโดยไม่มี [เลเวอเรจ] การสูญเสียของพวกเขาจะอยู่แค่ -0.5% เท่านั้น!

ความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์คืออะไร?

ประโยชน์หลักของการใช้เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์คือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น และเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้จากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ดี เลเวอเรจยังสามารถช่วยให้เทรดเดอร์กระจาย [พอร์ตโฟลิโอ] และ [ป้องกันความเสี่ยง] ความเสี่ยงจากคู่สกุลเงินได้ อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจยังมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญที่เทรดเดอร์ควรตระหนักและจัดการอย่างระมัดระวัง ความเสี่ยงบางประการ ได้แก่:

- Margin call: Margin call จะเกิดขึ้นเมื่อ [โบรกเกอร์] ต้องการให้เทรดเดอร์ฝากเงินเพิ่มในบัญชีเพื่อรักษาสถานะที่เปิดอยู่ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับตำแหน่งของเทรดเดอร์และลดอิควิตี้ลงต่ำกว่าข้อกำหนดมาร์จิ้นขั้นต่ำ หากผู้ซื้อขายไม่สามารถตอบสนองการเรียกหลักประกันได้ โบรกเกอร์อาจปิดสถานะบางส่วนหรือทั้งหมดโดยขาดทุน
- Liquidation การชำระบัญชี: การชำระบัญชีเกิดขึ้นเมื่อนายหน้าปิดสถานะทั้งหมดของเทรดเดอร์โดยขาดทุน เนื่องจาก [equity] ของพวกเขาต่ำกว่าศูนย์หรือถึงเกณฑ์ที่กำหนด สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อตลาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสวนทางกับตำแหน่งของเทรดเดอร์และเกินข้อกำหนดมาร์จิ้นของพวกเขา
- Volatility ความผันผวน: ความผันผวนหมายถึงระดับของความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ความผันผวนสูงสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรหรือขาดทุนให้กับเทรดเดอร์ที่มีเลเวอเรจมากขึ้น ขึ้นอยู่กับทิศทางและขนาดของการเปลี่ยนแปลงของราคา
- Slippage: Slippage หมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังและราคาจริงที่ดำเนินการซื้อขาย Slippage สามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด ความล่าช้าในการดำเนินการ หรือมีความผันผวนสูง Slippage สามารถลดหรือเพิ่มกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายที่มีเลเวอเรจได้
- Interest rate อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยหมายถึงต้นทุนหรือผลประโยชน์ของการกู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงิน เมื่อเทรดเดอร์ใช้เลเวอเรจ พวกเขาจะจ่ายดอกเบี้ยตามจำนวนที่ยืมและรับดอกเบี้ยตามจำนวนที่ฝาก ความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยทั้งสองนี้เรียกว่าสวอปหรือโรลโอเวอร์ สวอปอาจเป็นค่าบวกหรือลบ ขึ้นอยู่กับทิศทางของการซื้อขายและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน

วิธีใช้เลเวอเรจอย่างมีสติในการซื้อขายฟอเร็กซ์

[เลเวอเรจ] อาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและมีระเบียบวินัย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการเกี่ยวกับวิธีการใช้เลเวอเรจอย่างมีสติในการซื้อขายฟอเร็กซ์:

- เลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่เหมาะสม: เทรดเดอร์ควรเลือกอัตราส่วนเลเวอเรจที่ตรงกับความเสี่ยง รูปแบบการซื้อขาย และระดับประสบการณ์ อัตราเลเวอเรจที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังรวมถึงการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นด้วย อัตราเลเวอเรจที่ต่ำกว่าสามารถลดความเสี่ยงได้ แต่ยังรวมถึงผลตอบแทนด้วย เทรดเดอร์ควรพิจารณาความผันผวนและสภาพคล่องของคู่สกุลเงินที่ตนซื้อขายอยู่ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อข้อกำหนดมาร์จิ้นและ [การเคลื่อนไหวของราคา]

- จัดการขนาดการซื้อขาย: เริ่มต้นด้วยเลเวอเรจต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อคุณได้รับประสบการณ์และความมั่นใจในทักษะการซื้อขายของคุณมากขึ้น เทรดเดอร์ควรจัดการขนาดการซื้อขายตามยอดคงเหลือในบัญชี อัตราเลเวอเรจ และอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ขนาดการซื้อขายที่ใหญ่ขึ้นสามารถขยายผลกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายแบบมีเลเวอเรจ แต่ยังเพิ่มความต้องการมาร์จิ้นและความเสี่ยงด้านตลาดอีกด้วย ขนาดการซื้อขายที่เล็กลงสามารถลดผลกระทบของเลเวอเรจได้ แต่ยังจำกัดผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย ผู้ค้าควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายมากเกินไปหรือเปิดสถานะมากเกินไปในคราวเดียว เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงของ [margin call] หรือ [liquidation]

- ใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit: เทรดเดอร์ควรใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit เพื่อปกป้องเงินทุนของตนและล็อคผลกำไรจากการซื้อขายแบบมีเลเวอเรจ คำสั่งหยุดการขาดทุนคือคำสั่งปิดสถานะที่ระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทาง คำสั่ง Take-Profit คือคำสั่งให้ปิดตำแหน่งที่ระดับราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากตลาดเคลื่อนไหวไปในทางที่ชอบ คำสั่งเหล่านี้สามารถช่วยเทรดเดอร์จำกัดความสูญเสียและรักษากำไรจากการเทรดแบบมีเลเวอเรจ รวมถึงลดความเครียดทางอารมณ์และปรับปรุงวินัยได้เป็นอย่างดี

- ติดตามตลาดและบัญชีของตัวเองเสมอ: เทรดเดอร์ควรติดตามสภาวะตลาดและประสิทธิภาพของบัญชีเป็นประจำเมื่อใช้เลเวอเรจในการซื้อขายฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เช่นเดียวกับ [ตัวชี้วัดทางเทคนิค] และแนวโน้มที่สามารถส่งสัญญาณการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้น เทรดเดอร์ควรติดตามอิควิตี้ มาร์จิ้น กำไรหรือขาดทุน สวอป และสถานะที่เปิดในบัญชีของตน และปรับ [กลยุทธ์]ให้เข้ากับสถานการณ์ 

- เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง: เทรดเดอร์ควรเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนในการใช้ประโยชน์จากการซื้อขายฟอเร็กซ์ และพัฒนาทักษะและความรู้เมื่อเวลาผ่านไป เทรดเดอร์ควรตรวจสอบประวัติการซื้อขายและวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนตลอดจนความสำเร็จและความล้มเหลวที่ได้เจอมาของตัวเอง เทรดเดอร์ควรขอคำติชมและคำแนะนำจากเทรดเดอร์ผู้ให้คำปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ รวมถึงใช้แหล่งข้อมูลและเครื่องมือทางการศึกษาเพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับเลเวอเรจและการซื้อขายฟอเร็กซ์
อย่าปล่อยให้อารมณ์หรือความโลภมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อขายของคุณ

สรุปแล้ว

เลเวอเรจอาจเป็นดาบสองคมที่สามารถสร้างหรือทำลายอาชีพการเทรดของคุณได้ ใช้มันอย่างชาญฉลาดและรอบคอบ และคุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับผลประโยชน์ของ [leverage] โดยไม่ต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมา

ดังนั้นในฐานะเทรดเดอร์มือใหม่ คุณควรใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวังและมีสติ