เว็บบอร์ดลงโพสต์ฟรี
ดูอันดับนักแข่ง ea
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

ซื้อขาย CFD อย่างมีกลยุทธ์: สร้างสัญญาณของคุณเองและเทรดอย่างมีวินัย

3 กระทู้
3 ผู้ใช้
3 Reactions
23 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
Rank F
เข้าร่วม: 10 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 237
หัวข้อเริ่มต้น  

ตลาด Contracts for Difference (CFD) นำเสนอโอกาสในการซื้อขายสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, หรือสกุลเงินดิจิทัล โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริง ๆ แต่เป็นการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา บทความนี้จะสรุปแก่นแท้จากหนังสือ "Buy Signals Sell Signals" ของ Steve Burns และนำมาปรับใช้กับตลาด CFD เพื่อให้คุณสามารถสร้างระบบการซื้อขายที่มีวินัยและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว

หัวใจสำคัญ: เทรดด้วยสัญญาณราคา ไม่ใช่อารมณ์หรือการคาดเดา

สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ การเทรดที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากการทำนายอนาคต, การตามข่าวลือ, หรือการใช้อารมณ์ตัดสินใจ (เช่น ความกลัวที่จะพลาด หรือความโลภ) แต่มาจากการ ตอบสนอง ต่อการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นจริงบนกราฟ หรือที่เรียกว่า Price Action

  • ทำไมต้อง Price Action? เพราะราคาสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่ตลาดรับรู้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐาน, ข่าวสาร, หรือความคาดหวังของนักลงทุน การสังเกตพฤติกรรมราคาจึงเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการจับแนวโน้มและจุดกลับตัว
  • หลีกเลี่ยงอารมณ์: ความกลัวและความโลภเป็นศัตรูตัวฉกาจของนักเทรด การมีระบบการซื้อขายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมีวินัย

สร้างระบบการเทรด CFD ของคุณเอง: คำแนะนำทีละขั้นตอน

การสร้างระบบเทรดที่เป็นของคุณเองนั้นสำคัญมาก เพราะคุณจะเข้าใจตรรกะเบื้องหลังและมีความมั่นใจในการปฏิบัติตาม

1. เลือกประเภทตลาด CFD ที่คุณสนใจ: CFD มีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย เช่น:

  • CFD หุ้น: เช่น Apple, Google
  • CFD ดัชนี: เช่น S&P 500, DAX
  • CFD สินค้าโภคภัณฑ์: เช่น ทองคำ, น้ำมัน
  • CFD คู่สกุลเงิน (Forex): เช่น EUR/USD, GBP/JPY
  • CFD คริปโตเคอร์เรนซี: เช่น Bitcoin, Ethereum

การเลือกสินทรัพย์ที่คุณคุ้นเคยและเข้าใจความเคลื่อนไหวของตลาดนั้นๆ จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ดีขึ้น

2. กำหนดกรอบเวลา (Timeframe): ระบบเทรดตามแนวโน้มมักจะใช้กราฟที่แสดงข้อมูลในระยะกลางถึงระยะยาว เช่น:

  • กราฟรายวัน (Daily Chart): เหมาะสำหรับการจับแนวโน้มที่กินเวลานานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
  • กราฟรายสัปดาห์ (Weekly Chart): เหมาะสำหรับแนวโน้มที่กินเวลานานหลายเดือนถึงหลายปี

3. กำหนดสัญญาณซื้อ (Buy Signal) และสัญญาณขาย (Sell Signal): นี่คือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนที่จะบอกคุณว่าเมื่อไหร่ควรเข้าหรือออกจากการเทรด สัญญาณเหล่านี้ควรจะง่ายและไม่ซับซ้อน ผู้เขียนแนะนำระบบที่ใช้การ "ทะลุจุดสูงสุด/ต่ำสุดใหม่" (New High/New Low Breakout) ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

ตัวอย่างระบบง่ายๆ ที่ใช้ได้กับ CFD (ตามแนวทางของหนังสือ):

  • ระบบ 100/50-day Breakout (สำหรับตลาดขาขึ้น/ซื้อ):

    • สัญญาณซื้อ (Buy Signal): เมื่อราคาปิดของ CFD นั้นๆ ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 100 วันที่ผ่านมา (New 100-day high)
      • เหตุผล: แสดงว่าแรงซื้อแข็งแกร่งและราคาอยู่ในช่วงขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
    • สัญญาณขาย (Sell Signal) / จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss): เมื่อราคาปิดของ CFD นั้นๆ ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 50 วันที่ผ่านมา (New 50-day low)
      • เหตุผล: แสดงว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจสิ้นสุดลง หรือเป็นการปรับฐานที่ลึกพอที่จะพิจารณาตัดขาดทุนเพื่อรักษากำไร
  • ระบบ 100/50-day Breakout (สำหรับตลาดขาลง/ขายชอร์ต):

    • สัญญาณขายชอร์ต (Sell Short Signal): เมื่อราคาปิดของ CFD นั้นๆ ทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 100 วันที่ผ่านมา (New 100-day low)
      • เหตุผล: แสดงว่าแรงขายแข็งแกร่งและราคาอยู่ในช่วงขาลงที่แข็งแกร่ง
    • สัญญาณซื้อคืน (Buy to Cover Signal) / จุดหยุดขาดทุน (Stop Loss): เมื่อราคาปิดของ CFD นั้นๆ ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 50 วันที่ผ่านมา (New 50-day high)
      • เหตุผล: แสดงว่าแนวโน้มขาลงอาจสิ้นสุดลง หรือเป็นการปรับฐานขึ้นที่ลึกพอที่จะพิจารณาปิดสถานะ Short

4. การบริหารจัดการเงินทุน (Money Management) และขนาดการลงทุน (Position Sizing) – สิ่งที่สำคัญที่สุดในตลาด CFD

นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบนี้ทำงานได้จริงและช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้นานพอที่จะทำกำไรก้อนใหญ่ การซื้อขาย CFD มีอัตราทด (Leverage) ซึ่งเพิ่มทั้งโอกาสทำกำไรและขาดทุน ดังนั้นการบริหารขนาดการลงทุนจึงสำคัญยิ่งกว่าตลาดหุ้นปกติ

  • กำหนดขนาด Position Size ให้ "เล็กมากๆ": ผู้เขียนเน้นย้ำว่านี่ไม่ใช่ระบบ "เทรดใหญ่เพื่อรวยเร็ว" แต่เป็นการเติบโตของเงินทุนในระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยง
  • คำแนะนำ: คุณควรเสี่ยงเงินลงทุนในแต่ละครั้งที่เปิดสถานะ CFD เพียง 0.2% ถึงสูงสุด 2% ของเงินทุนทั้งหมด ที่คุณใช้เทรด
    • ตัวอย่าง: หากคุณมีเงินทุนในบัญชี CFD จำนวน $10,000 และคุณต้องการเสี่ยง 1% ต่อการเทรด ($100)
      • คุณต้องการเปิดสถานะ CFD หุ้น Tesla (TSLA) ซึ่งราคาปัจจุบันอยู่ที่ $180 และคุณได้กำหนดจุดหยุดขาดทุนไว้ที่ $170 (ขาดทุน $10 ต่อหุ้น)
      • จำนวนหุ้น CFD ที่คุณสามารถซื้อได้: (เงินที่ยอมเสี่ยง / ผลต่างราคาต่อหุ้นที่ยอมขาดทุน) = $100 / $10 = 10 หุ้น CFD
      • นี่หมายความว่าคุณจะซื้อ TSLA เพียง 10 หุ้น CFD ซึ่งมีมูลค่ารวมเพียง $1,800 เท่านั้น (ก่อนใช้ Leverage) และหากราคาลงไปถึงจุดหยุดขาดทุน คุณจะขาดทุนเพียง $100 ซึ่งเท่ากับ 1% ของเงินทุนของคุณ
  • ประโยชน์ของ Position Size ที่เล็ก:
    • จำกัดการขาดทุน: เมื่อแนวโน้มพลิกกลับ คุณจะขาดทุนเพียงเล็กน้อย
    • อยู่รอดในตลาด: คุณสามารถทำการเทรดได้หลายครั้ง แม้จะเจอช่วงที่ตลาดผันผวนหรือไม่เอื้ออำนวย
    • กระจายความเสี่ยง: การใช้ Position Size ที่เล็กทำให้คุณสามารถเปิดสถานะ CFD ในสินทรัพย์หลายประเภทพร้อมกัน (เช่น หุ้น, ดัชนี, ทองคำ) ซึ่งลดความเสี่ยงโดยรวมและเพิ่มโอกาสในการจับแนวโน้มที่แข็งแกร่งในตลาดใดตลาดหนึ่ง

5. การ Backtest (ทดสอบย้อนหลัง) และปรับปรุง: ก่อนนำระบบไปใช้จริง ควรนำกฎที่คุณสร้างขึ้นไปทดสอบกับข้อมูลราคาในอดีต (Backtest) เพื่อดูว่าระบบของคุณมีประสิทธิภาพแค่ไหน หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ ให้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและทดสอบใหม่ ทำซ้ำจนกว่าจะได้ระบบที่น่าพอใจและเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

6. วินัยเป็นกุญแจสำคัญ: เมื่อคุณมีระบบที่ชัดเจนและทดสอบแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำตามกฎเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เปลี่ยนแปลงกฎกลางคันเพราะอารมณ์, ข่าวสาร, หรือความเห็นของคนอื่น การเทรดตามระบบเชิงกลจะช่วยลดอคติทางอารมณ์และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว

สรุปและคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับตลาด CFD

การซื้อขาย CFD ด้วยแนวคิดจาก "Buy Signals Sell Signals" คือการเน้นที่ การตามแนวโน้ม และ การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ผ่านการใช้ Position Size ที่เล็กมากๆ:

  1. พัฒนาระบบของคุณ: เริ่มต้นด้วยกฎง่ายๆ อย่าง 100/50-day Breakout แล้วปรับให้เหมาะสมกับสินทรัพย์ CFD ที่คุณสนใจและกรอบเวลาที่คุณเลือก
  2. ให้ความสำคัญกับการบริหารเงินทุน: นี่คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดและทำกำไรในตลาด CFD กำหนด Position Size ที่เล็ก (0.2% - 2% ของเงินทุนต่อการเทรด) และไม่ละเมิดกฎนี้
  3. กระจายความเสี่ยง: อย่าเทรดเพียงสินทรัพย์เดียว ใช้ Position Size ที่เล็กเพื่อให้คุณสามารถเปิดสถานะใน CFD ที่แตกต่างกันได้หลายชนิด เพื่อเพิ่มโอกาสในการจับแนวโน้มที่ทำกำไร
  4. มีวินัย: เมื่อมีระบบแล้ว ให้ทำตามอย่างเคร่งครัด อารมณ์จะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของคุณ
  5. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ การเรียนรู้และปรับปรุงระบบของคุณเป็นสิ่งจำเป็น

ด้วยการสร้างระบบการซื้อขายที่ชัดเจน การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีวินัย และการยึดมั่นในกฎเกณฑ์ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด CFD ได้อย่างยั่งยืน


   
TibitoBlink reacted
อ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank F
เข้าร่วม: 11 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 699
 

การเรียนรู้เป็นสิ่งจำเป็น ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่มีอย่างต่อเนี่องค่ะ


   
James Albert reacted
ตอบอ้างอิง
ผมอ่ะ..อึ้มมมม
(@tom4556)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
Rank F
เข้าร่วม: 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา
กระทู้: 45
 

ขอบคุน🙏


   
James Albert reacted
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: