ช่วงนี้ ราคาทองคำทุบสถิติพุ่งไม่หยุด ขึ้นไปเกือบแตะ $4,300 เรียกว่าร้อนแรงสุดๆ (ขึ้นมาเกือบ 11% ในเดือนนี้ และมากกว่า 60% ในปีนี้)

ที่ทองคำยังเป็นที่ต้องการขนาดนี้ เพราะนักลงทุนยังคงแห่ไปซื้อเป็น "สินทรัพย์ปลอดภัย" ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย

1. สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนตึงเครียด ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งประกาศแผนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 100% ตอบโต้ที่จีนควบคุมการส่งออกแร่หายาก ทำให้ความกลัว "สงครามการค้าเต็มรูปแบบ" ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

2. ปัญหาชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังปิดทำการต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ทำให้ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียหายเป็นหมื่นล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์

3. การคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ลดลง ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้เพื่อหนุนเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ซึ่งการลดดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น

แนวรับและแนวต้าน 

แนวต้าน 

• 4,300

• 4,400 

• 4,600 

• 4,900 

• 5,000 

แนวรับ

• 4,290

• 4,200

• 4,150

• 4,160 

• 4,065 

คำเตือนนักลงทุน

ขอบอกไว้ก่อนว่า ถึงแม้ราคาทองคำจะพุ่งแรงจนน่าตื่นเต้นขนาดนี้ แต่นักลงทุนทุกคนต้องระวังตัวให้ดี เพราะเมื่อใดก็ตามที่ราคาสินทรัพย์วิ่งขึ้นไปสูงมากจนอยู่ในเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) มันย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดการ เทขายทำกำไร หรือการปรับฐานราคาลงมาอย่างรวดเร็วได้ทุกเมื่อ ดังนั้น การเข้าซื้อไล่ราคาในช่วงนี้จึงมีความเสี่ยงสูงมาก ขอให้ติดตามสถานการณ์การเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯ-จีน และความชัดเจนของนโยบายการเงินของ Fed อย่างใกล้ชิด เพราะหากมีสัญญาณบวกใดๆ ที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง ราคาทองคำก็อาจจะร่วงลงมาได้แบบไม่ทันตั้งตัว ควรพิจารณาบริหารความเสี่ยงและตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-loss) อย่างมีสติอยู่เสมอ