ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2025 ราคาทองคำ (XAU/USD) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $2,927.50 ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่เจ็ด 

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

1. ความตึงเครียดทางการค้า: การที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในบันทึกเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น 

2. อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น: ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.2% ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 

3. นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด): เฟดส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปี ซึ่งส่งผลให้ทองคำยังคงน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ย

แนวโน้มและสิ่งที่ต้องจับตาดู

• การคาดการณ์ราคา: นักวิเคราะห์จาก Citi คาดว่าราคาทองคำอาจเพิ่มขึ้นเกิน $3,300 ต่อออนซ์ในสถานการณ์ที่เป็นบวก อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ $2,900 ต่อออนซ์ในปี 2025 และอาจเพิ่มขึ้นถึง $3,000 ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า 

• ความต้องการจากธนาคารกลาง: ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจากตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน ได้เพิ่มการถือครองทองคำเพื่อเสริมความมั่นคงของสกุลเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ

• ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมองหาทองคำเป็นที่หลบภัย 

การคาดการณ์จากสื่อที่น่าเชื่อถือ

1. Reuters: รายงานว่าราคาทองคำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 

2. The Australian: ระบุว่าราคาทองคำใกล้แตะ $3,000 ต่อออนซ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ 

3. Wall Street Journal: ชี้ให้เห็นว่าทองคำเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีผลตอบแทนดีที่สุดในปี 2024 และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องในปี 2025 โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาจะถึง $3,000 ต่อออนซ์ 

ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความตึงเครียดทางการค้า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน