ราคาทองคําพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วไปอีก 27 ดอลลาร์ และทะลุกําแพง 2,350 ดอลลาร์ เพื่อกลับขึ้นไปยังระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,354 ดอลลาร์ ในการซื้อขายในเอเชียในวันจันทร์ แม้ว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะผ่อนคลายลง และลดการเดิมพันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเดือนมิถุนายน แต่ราคาทองคําก็มีการพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์โดยหลักจากรายงานการซื้อทองคําที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก

ข่าวจากจีนรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ซื้อทองคําเป็นทุนสํารองเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม ทองคําแท่งที่ถือครองโดยธนาคารกลางจีนเพิ่มขึ้นเป็น 72.74 ล้านทรอยออนซ์ ในเดือนที่แล้ว 

ขณะที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะออกมาซื้อทองคําอย่างแข็งแกร่งในช่วงปลายปีนี้ จึงเร่งซื้อและเร่งราคาทองคําทําสถิติสูงสุดใหม่ ความต้องการทองคําจากธนาคารกลางรวม 1,037.4 เมตริกตันในปี 2566 ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 ที่ 1,081.9 เมตริกตัน ตามข้อมูลของสภาทองคําโลก (WGC)

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูว่าราคาทองคําจะรักษาสถิติการพุ่งขึ้นก่อนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธจากสหรัฐอเมริกา (US) หรือไม่ เมื่อวันศุกร์ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 303,000 ตําแหน่งในเดือนมีนาคม เทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตําแหน่ง และก่อนหน้านี้ 275,000 ตําแหน่ง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ได้ลดโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนจากประมาณ 62% เหลือประมาณ 48% ในขณะนี้ ตามรายงานของ FedWatch Tool ของ CME Group

ที่มา (fxstreet.com)