ในโลกของการเทรด การหา "จุดเข้า" (Entry Point) ที่ดี ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ผลกำไร การเข้าเทรดในจังหวะที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ยังช่วยจำกัดความเสี่ยงได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Indicator ที่น่าสนใจตัวหนึ่งบน TradingView นั่นก็คือ Fibonacci Optimal Entry Zone [OTE] (Zeiierman) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถหาจุดเข้าที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างแม่นยำ

Concept: แนวคิดเบื้องหลัง OTE คืออะไร?

Fibonacci Optimal Entry Zone (OTE) หรือ "โซนเข้าเทรดที่เหมาะสมที่สุด" เป็นแนวคิดที่พัฒนาต่อยอดมาจากการใช้ Fibonacci Retracement ร่วมกับหลักการของ Smart Money Concepts (SMC) โดยมีหัวใจสำคัญคือ:

• ตลาดเคลื่อนที่เป็นคลื่น: ราคาไม่ได้วิ่งขึ้นหรือลงเป็นเส้นตรง แต่จะมีการย่อตัว (Retracement) หรือพักตัว (Pullback) อยู่เสมอ

• โซน OTE: คือบริเวณที่ราคามีโอกาสย่อตัวลงมาทดสอบก่อนที่จะกลับไปเคลื่อนที่ตามแนวโน้มเดิม ซึ่งโซนนี้มักจะอยู่ในช่วง "Golden Zone" ของ Fibonacci Retracement คือระหว่างระดับ 61.8% ถึง 79% (ใน Indicator ตัวนี้จะเน้นที่ 50% - 61.8%)

• Smart Money: แนวคิดเบื้องหลังคือ "เจ้ามือ" หรือ "Smart Money" มักจะรอให้ราคาย่อตัวลงมาในโซน OTE นี้เพื่อเข้าสะสมสถานะ (Accumulate) ก่อนที่จะดันราคาไปต่อ การเข้าเทรดในโซนเดียวกับ Smart Money จึงเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในการเทรด

Indicator ตัวนี้จะทำการคำนวณและแสดงโซน OTE ให้เราเห็นโดยอัตโนมัติ โดยอ้างอิงจาก Swing High และ Swing Low ล่าสุดของราคา ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนและรวดเร็ว

วิธีการติดตั้ง Indicator บน TradingView

การเพิ่ม Indicator ตัวนี้ลงบนกราฟของคุณใน TradingView นั้นง่ายมาก ทำตามขั้นตอนดังนี้:

1. เปิดกราฟ TradingView: ไปที่หน้าจอหลักของ TradingView และเปิดกราฟของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ

2. คลิกที่ "Indicators": ที่เมนูด้านบนของกราฟ จะมีปุ่มชื่อ "Indicators" (หรือ "อินดิเคเตอร์") ให้คลิกเข้าไป

3. ค้นหา Indicator: ในช่องค้นหา ให้พิมพ์ชื่อ "Fibonacci Optimal Entry Zone [OTE] (Zeiierman)"

4. เพิ่มลงในกราฟ: เมื่อเจอ Indicator ที่ต้องการแล้ว ให้คลิกที่ชื่อของมันหนึ่งครั้ง Indicator ก็จะถูกเพิ่มเข้าไปในกราฟของคุณโดยอัตโนมัติ

วิธีการใช้งาน: Entry, Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP)

หัวใจของการใช้ Indicator นี้คือการรอจังหวะที่เหมาะสม เราจะแบ่งวิธีการใช้งานออกเป็น 2 กรณีคือ Entry Buy (ฝั่งซื้อ) และ Entry Sell (ฝั่งขาย)

1. วิธีการเข้าเทรด (Entry Buy - สำหรับแนวโน้มขาขึ้น)

• มองหาแนวโน้มขาขึ้น: อันดับแรก ต้องแน่ใจว่าภาพรวมของราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เช่น การที่ราคาสร้าง Higher High และ Higher Low

• รอราคาย่อตัว: หลังจากที่ราคาสร้าง High ใหม่ได้แล้ว ให้รอให้ราคาย่อตัวลงมา

• เข้าสู่โซน OTE: Indicator จะแสดงกรอบโซน OTE (มักจะเป็นสีเขียว) ให้เห็น ให้รอจนกว่าราคาจะเคลื่อนที่เข้ามาในโซนนี้

• สัญญาณยืนยัน: เพื่อความแม่นยำ ควรหาสัญญาณยืนยันอื่นๆ ประกอบ เช่น

  • รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว: เช่น Hammer, Bullish Engulfing ในโซน OTE

  • การเกิด Fair Value Gap (FVG): หากในโซน OTE มี FVG เกิดขึ้น จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ

  • Indicator อื่นๆ: เช่น RSI อยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30)

• วางคำสั่ง Buy: เมื่อมีสัญญาณยืนยันแล้ว สามารถวางคำสั่ง Buy Limit ในโซน OTE หรือเข้าด้วยราคาตลาด (Market Order) เมื่อเห็นแท่งเทียนยืนยัน

2. วิธีการเข้าเทรด (Entry Sell - สำหรับแนวโน้มขาลง)

• มองหาแนวโน้มขาลง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าภาพรวมของราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) เช่น การที่ราคาสร้าง Lower Low และ Lower High

• รอราคาดีดตัวขึ้น: หลังจากที่ราคาสร้าง Low ใหม่ได้แล้ว ให้รอให้ราคาดีดตัว (Rally) กลับขึ้นไป

• เข้าสู่โซน OTE: Indicator จะแสดงกรอบโซน OTE (มักจะเป็นสีแดง) ให้เห็น ให้รอจนกว่าราคาจะเคลื่อนที่เข้ามาในโซนนี้

• สัญญาณยืนยัน: มองหาสัญญาณยืนยันเพิ่มเติม เช่น

  • รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว: เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing ในโซน OTE

  • การเกิด Fair Value Gap (FVG)

  • Indicator อื่นๆ: เช่น RSI อยู่ในโซน Overbought (สูงกว่า 70)

• วางคำสั่ง Sell: เมื่อมีสัญญาณยืนยัน สามารถวางคำสั่ง Sell Limit ในโซน OTE หรือเข้าด้วยราคาตลาดเมื่อเห็นแท่งเทียนยืนยัน

การตั้งค่า Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP)

การตั้ง Stop Loss (SL):

• สำหรับฝั่ง Buy: ควรตั้ง SL ไว้ ต่ำกว่า Swing Low ล่าสุด หรือต่ำกว่ากรอบโซน OTE เล็กน้อย เพื่อเผื่อในกรณีที่ราคาอาจจะมีการกวาดสภาพคล่อง (Liquidity Sweep)

• สำหรับฝั่ง Sell: ควรตั้ง SL ไว้ สูงกว่า Swing High ล่าสุด หรือสูงกว่ากรอบโซน OTE เล็กน้อย

การตั้ง Take Profit (TP):

• วิธีที่ 1 (อิงจาก Swing เดิม):

  • สำหรับฝั่ง Buy: ตั้ง TP แรกที่ Swing High ก่อนหน้า และ TP ถัดไปที่ระดับ Fibonacci Extension ที่สำคัญ เช่น -0.27 หรือ -0.62 (ซึ่งสามารถตั้งค่าเพิ่มในเครื่องมือ Fibonacci ได้)

  • สำหรับฝั่ง Sell: ตั้ง TP แรกที่ Swing Low ก่อนหน้า และ TP ถัดไปที่ระดับ Fibonacci Extension ที่สำคัญ

• วิธีที่ 2 (Risk/Reward Ratio):

  • ตั้งเป้าหมายตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk/Reward Ratio) ที่คุณยอมรับได้ เช่น 1:2 หรือ 1:3 ซึ่งหมายความว่าผลกำไรที่คาดหวังจะเป็น 2 หรือ 3 เท่าของระยะ Stop Loss

สรุป

Fibonacci Optimal Entry Zone [OTE] (Zeiierman) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักเทรดที่ต้องการหาจุดเข้าที่แม่นยำในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเครื่องมือใดที่สามารถรับประกันผลกำไรได้ 100% สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำ Indicator นี้ไปใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และการมีวินัยในการเทรด เพื่อสร้างความได้เปรียบและประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างยั่งยืน