ถอดรหัสพฤติกรรมตลาดด้วย Volume by Time: กลยุทธ์เทรดจับสัญญาณวอลุ่มผิดปกติ
ในโลกของการเทรด "วอลุ่ม" หรือปริมาณการซื้อขาย คือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่บ่งบอกถึงความสนใจและพลังขับเคลื่อนของตลาด แต่การวิเคราะห์วอลุ่มแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพอ เพราะปริมาณการซื้อขายมักจะผันผวนไปตามช่วงเวลาของวันอยู่แล้ว เช่น ช่วงเปิดตลาดจะมีวอลุ่มสูง และช่วงพักกลางวันจะมีวอลุ่มต่ำ นี่คือจุดที่อินดิเคเตอร์ "Volume by Time" เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์วอลุ่มให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
🔶 ความหมายและ Concept ของ Volume by Time
Volume by Time คืออินดิเคเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อเปรียบเทียบปริมาณการซื้อขาย (Volume) ของ "แท่งเทียนปัจจุบัน" กับ "ค่าเฉลี่ยของวอลุ่มในอดีต ณ ช่วงเวลาเดียวกัน"
Concept หลักของระบบนี้คือ: เพื่อหาความ "ผิดปกติ" ของปริมาณการซื้อขาย
โดยปกติแล้ว ในแต่ละช่วงเวลาของวัน ตลาดจะมีพฤติกรรมการซื้อขายที่เป็นแบบแผนซ้ำๆ เช่น วอลุ่มจะสูงมากในช่วง 9 โมงเช้า และจะลดลงในช่วงเที่ยง อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะทำการเก็บข้อมูลวอลุ่มของทุกแท่งเทียนตามช่วงเวลา (เช่น เก็บข้อมูลวอลุ่มของทุกแท่ง 10:00 น. ไว้ในกลุ่มเดียวกัน) แล้วนำมาคำนวณหาค่าเฉลี่ย
ผลลัพธ์ที่ได้คือ เราจะสามารถมองเห็นได้ทันทีว่าวอลุ่ม ณ เวลาปัจจุบันนั้น "สูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ" ของช่วงเวลานั้นๆ หรือไม่ ซึ่งสัญญาณความผิดปกตินี้เองที่เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าเทรด
การแสดงผลบนกราฟ: อินดิเคเตอร์จะแสดงผลเป็นกราฟแท่ง (Histogram) ที่มีลักษณะเฉพาะตัว:
-
แท่งโปร่ง (Hollow bars): แสดงถึง "ค่าเฉลี่ย" ของวอลุ่มในอดีต ณ เวลานั้นๆ
-
แท่งทึบ (Solid columns): แสดงถึง "วอลุ่มปัจจุบัน" ของแท่งเทียนล่าสุด
🔶 การนำไปใช้งาน
หัวใจของการใช้งานคือการมองหาแท่งทึบ (วอลุ่มปัจจุบัน) ที่มีความสูงโดดเด่นกว่าแท่งโปร่ง (ค่าเฉลี่ย) อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาวะต่อไปนี้:
-
สัญญาณการ Breakout: เมื่อราคากำลังจะทะลุแนวรับ-แนวต้านสำคัญ แล้วปรากฏแท่งวอลุ่มทึบสูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก เป็นการยืนยันว่าการทะลุนั้นมีแรงซื้อขายมหาศาลสนับสนุน มีโอกาสเป็นการทะลุจริง (True Breakout)
-
สัญญาณการกลับตัว (Climax): ในช่วงปลายเทรนด์ หากราคาพุ่งขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง พร้อมกับมีแท่งวอลุ่มทึบที่สูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของแรงซื้อหรือแรงขายครั้งสุดท้าย (Exhaustion) ก่อนที่ราคาจะกลับตัว
-
ยืนยันความแข็งแกร่งของเทรนด์: ในระหว่างที่ราคาเคลื่อนที่เป็นเทรนด์ หากแท่งเทียนที่ไปในทิศทางเดียวกับเทรนด์มีวอลุ่มปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลอดเวลา แสดงว่าเทรนด์นั้นยังคงแข็งแกร่ง
โหมด Bi-Directional: เป็นฟังก์ชันเสริมที่ยอดเยี่ยม โดยจะแยกสีของแท่งวอลุ่มตามสีของแท่งเทียน
-
แท่งทึบสีเขียว: แสดงวอลุ่มของฝั่งซื้อ (Upwards Volume)
-
แท่งทึบสีแดง: แสดงวอลุ่มของฝั่งขาย (Downwards Volume) ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ลึกขึ้นว่า "แรงที่ผิดปกติ" นั้นมาจากฝั่งซื้อหรือฝั่งขายกันแน่
🔶 การติดตั้ง Indicators ใน TradingView
-
เปิดโปรแกรมหรือเว็บไซต์ TradingView แล้วเปิดกราฟคู่เงินหรือสินทรัพย์ที่ต้องการ
-
คลิกที่เมนู "Indicators" ที่ด้านบนของกราฟ
-
ในช่องค้นหา พิมพ์คำว่า "Volume by Time"
-
จะมีอินดิเคเตอร์จากนักพัฒนาหลายคนปรากฏขึ้นมาในแท็บ "Community Scripts" ให้เลือกตัวที่มีคุณสมบัติตรงตามที่อธิบาย (มีแท่งโปร่งและแท่งทึบ, มีโหมด Bi-Directional) หรือเลือกตัวที่ได้รับความนิยมสูง
-
คลิกที่ชื่ออินดิเคเตอร์เพื่อเพิ่มลงในกราฟของคุณ
-
คุณสามารถเข้าไปปรับแต่งค่าต่างๆ ได้โดยคลิกที่ไอคอนรูปฟันเฟือง (Settings) ของอินดิเคเตอร์ เช่น:
-
Analysis Type: เลือกได้ระหว่างค่าเฉลี่ย (Average) หรือค่ามัธยฐาน (Median)
-
Length (Days): กำหนดจำนวนวันในอดีตที่ต้องการนำมาคำนวณค่าเฉลี่ย (ใส่ 0 เพื่อใช้ข้อมูลทั้งหมด)
-
🔶 เงื่อนไขการ Entry (Buy/Sell)
สำคัญ: Volume by Time เป็นเครื่องมือ "ยืนยัน" (Confirmation) สัญญาณ ไม่ควรใช้เดี่ยวๆ ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น แนวรับ-แนวต้าน, เส้นเทรนด์ไลน์, หรือ Moving Average
เงื่อนไขการเข้า Buy:
-
โครงสร้างราคา: ราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือกำลังเบรคแนวต้านสำคัญขึ้นไป
-
แท่งเทียน: เกิดแท่งเทียนสีเขียว (Bullish Candle) ที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรง
-
สัญญาณยืนยันจาก Volume by Time:
-
ที่แท่งเทียนสีเขียวนั้น แท่งวอลุ่มทึบสีเขียว (Solid Green Column) จะต้องสูงกว่าแท่งโปร่ง (Average) อย่างชัดเจน
-
ยิ่งสูงกว่ามากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงแรงซื้อที่ผิดปกติและแข็งแกร่ง
-
-
เข้าออเดอร์: เข้า Buy ที่ราคาปิดของแท่งเทียนนั้น หรือราคาเปิดของแท่งถัดไป
เงื่อนไขการเข้า Sell:
-
โครงสร้างราคา: ราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือกำลังเบรคแนวรับสำคัญลงไป
-
แท่งเทียน: เกิดแท่งเทียนสีแดง (Bearish Candle) ที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรง
-
สัญญาณยืนยันจาก Volume by Time:
-
ที่แท่งเทียนสีแดงนั้น แท่งวอลุ่มทึบสีแดง (Solid Red Column) จะต้องสูงกว่าแท่งโปร่ง (Average) อย่างชัดเจน
-
ยิ่งสูงกว่ามากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงแรงขายที่ผิดปกติและแข็งแกร่ง
-
-
เข้าออเดอร์: เข้า Sell ที่ราคาปิดของแท่งเทียนนั้น หรือราคาเปิดของแท่งถัดไป
🔶 การตั้งค่า Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL)
การตั้งค่า TP และ SL ควรขึ้นอยู่กับการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และโครงสร้างของตลาด ณ ขณะนั้น
การตั้ง Stop Loss (SL):
-
สำหรับออเดอร์ Buy: ตั้ง SL ไว้ที่ ใต้จุดต่ำสุด (Low) ของแท่งเทียนที่เป็นสัญญาณ หรือใต้แนวรับ/Swing Low ล่าสุด
-
สำหรับออเดอร์ Sell: ตั้ง SL ไว้ที่ เหนือจุดสูงสุด (High) ของแท่งเทียนที่เป็นสัญญาณ หรือเหนือแนวต้าน/Swing High ล่าสุด
การตั้ง Take Profit (TP):
-
วิธีที่ 1 (Risk:Reward Ratio): กำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ชัดเจน เช่น 1:1.5 หรือ 1:2 (เช่น หาก SL อยู่ที่ 50 pips, TP ควรอยู่ที่ 75 หรือ 100 pips)
-
วิธีที่ 2 (แนวรับ-แนวต้านถัดไป): มองหาแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญถัดไปในทิศทางที่เข้าเทรด และตั้ง TP ไว้ก่อนถึงบริเวณนั้นเล็กน้อย
-
วิธีที่ 3 (Trailing Stop): หากต้องการปล่อยให้กำไรวิ่งไปตามเทรนด์ สามารถใช้ Trailing Stop เพื่อเลื่อนจุดตัดขาดทุนตามราคาไปเรื่อยๆ ได้
โดยสรุป Volume by Time เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการ "อ่านเกม" ของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถแยกแยะระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาปกติ กับการเคลื่อนไหวที่มี "นัยสำคัญ" ได้อย่างเฉียบคมยิ่งขึ้น
ทิ้งคำตอบไว้
- 44 ฟอรัม
- 2,922 หัวข้อ
- 8,348 กระทู้
- 18 ออนไลน์
- 3,876 สมาชิก