สำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ทฤษฎี Fibonacci Retracement ในการหาจุดเข้า-ออกออเดอร์ คงจะคุ้นเคยกับการต้องลากเส้นหาจุดสูงสุด (Swing High) และต่ำสุด (Swing Low) ด้วยตนเอง ซึ่งบางครั้งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนและเสียเวลา แต่ปัญหานี้จะหมดไป ด้วย Indicator ที่ชื่อว่า "FiboZigZag" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปฏิวัติการเทรดด้วย Fibonacci โดยเฉพาะ

บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ Indicator ตัวนี้ ตั้งแต่แนวคิดหลัก วิธีการติดตั้ง ไปจนถึงกลยุทธ์การใช้งานจริง

Concept: แนวคิดหลักของ FiboZigZag

หัวใจของ FiboZigZag คือการนำ Indicator ยอดนิยม 2 ตัวมารวมกันเพื่อทำงานโดยอัตโนมัติ:

1. ZigZag Indicator: ทำหน้าที่ค้นหาคลื่นราคาที่สำคัญ โดยจะลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดสูงสุด (Swing High) และจุดต่ำสุด (Swing Low) ที่มีนัยสำคัญของกราฟ ช่วยกรองสัญญาณรบกวน (Noise) และทำให้เรามองเห็นโครงสร้างราคาที่แท้จริงได้ง่ายขึ้น

2. Fibonacci Retracement: ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือวัดระดับการย่อตัวหรือการดีดตัวของราคา เพื่อหาแนวรับ-แนวต้านที่เป็นไปได้ เช่น 23.6%, 38.2%, 50.0%, 61.8%

FiboZigZag จะใช้ ZigZag ในการระบุคลื่นราคาล่าสุด (หรือคลื่นก่อนหน้าตามที่ตั้งค่า) จากนั้นจึงทำการ "ลากเส้น Fibonacci Retracement" ให้โดยอัตโนมัติจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุดของคลื่นนั้นทันที ผลลัพธ์คือ เทรดเดอร์จะได้ระดับแนวรับ-แนวต้านจาก Fibonacci ที่แม่นยำและอัปเดตตามสถานการณ์ตลาดจริงอยู่เสมอ

สามารถใช้กับสินค้าอะไรได้บ้าง?

เนื่องจาก ZigZag และ Fibonacci เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เป็นสากล (Universal) ดังนั้น FiboZigZag จึงสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกสินค้าที่มีสภาพคล่องเพียงพอและมีข้อมูลราคาให้วิเคราะห์ได้ เช่น:

• Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา): EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, XAU/USD (ทองคำ) ฯลฯ

• Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี): BTC, ETH, SOL ฯลฯ

• Indices (ดัชนี): S&P500, NASDAQ, SET50

• Stocks (หุ้น): หุ้นรายตัวที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง

• Commodities (สินค้าโภคภัณฑ์): น้ำมัน, เงิน

Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน

Indicator ตัวนี้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ได้กับทุก Timeframe อย่างไรก็ตาม ความน่าเชื่อถือของสัญญาณจะแตกต่างกันไป:

• Timeframe สูง (H4, D1, W1): เหมาะสำหรับ Swing Trader หรือ Position Trader คลื่นราคาที่ ZigZag ตรวจจับจะมีความแข็งแกร่งสูง สัญญาณรบกวนน้อย ทำให้แนวรับ-แนวต้านของ Fibonacci มีนัยสำคัญและน่าเชื่อถือมาก

• Timeframe กลาง (H1, M30): เหมาะสำหรับ Day Trader ที่ต้องการหาจังหวะเข้า-ออกภายในวัน ยังคงให้สัญญาณที่ค่อนข้างมีคุณภาพ

• Timeframe ต่ำ (M15, M5): เหมาะสำหรับ Scalper แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะจะเกิดคลื่นราคาและสัญญาณ Fibo บ่อยมาก ซึ่งอาจมีสัญญาณหลอก (False Signal) ปะปนอยู่สูง ควรใช้ร่วมกับ Indicator ยืนยันตัวอื่น ๆ

คำแนะนำ: สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเริ่มฝึกฝนจาก Timeframe H1 ขึ้นไป เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของ Indicator และโครงสร้างตลาดก่อน

วิธีการติดตั้ง Indicator

1. เปิดโปรแกรม MetaTrader 5 (MT5) ของคุณ

2. ไปที่เมนูด้านบน เลือก File -> Open Data Folder

3. เข้าไปที่โฟลเดอร์ MQL5 -> Indicators

4. ดาวน์โหลดไฟล์ FiboZigZag.mq5 แล้วนำไปวางไว้ในโฟลเดอร์ Indicators นี้

5. กลับมาที่โปรแกรม MT5 ไปที่หน้าต่าง Navigator (หากไม่มี ให้กด Ctrl+N)

6. คลิกขวาที่ Indicators แล้วเลือก Refresh

7. คุณจะเห็น Indicator ชื่อ FiboZigZag ปรากฏขึ้นมาในลิสต์

8. ลาก Indicator ดังกล่าวไปวางบนกราฟที่ต้องการใช้งาน และตั้งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ตามต้องการ

วิธีการใช้งาน (Entry, TP, SL)

FiboZigZag เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ ไม่ใช่ระบบเทรดอัตโนมัติ ดังนั้นเราต้องใช้มันร่วมกับกลยุทธ์อื่น ๆ โดยเฉพาะการดูรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) เพื่อยืนยันสัญญาณ

วิธีการเข้า Buy (Long Position)

1. มองหาเทรนด์ขาขึ้น: สังเกตจากโครงสร้างราคาที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) และจุดต่ำสุดที่ยกตัวขึ้น (Higher Low) ซึ่ง ZigZag จะช่วยให้เห็นภาพนี้ชัดเจน

2. รอราคาย่อตัว (Pullback): ในเทรนด์ขาขึ้น ราคาจะไม่ขึ้นเป็นเส้นตรง แต่จะมีการย่อตัวลงมาพักฐานเสมอ

3. สังเกตแนวรับ Fibonacci: FiboZigZag จะกาง Fibo บนคลื่นล่าสุดให้อัตโนมัติ ให้รอจนกว่าราคาจะย่อตัวลงมาทดสอบที่ระดับ Fibo สำคัญ เช่น 38.2%, 50.0%, หรือ 61.8%

4. หาสัญญาณยืนยัน (Confirmation Signal): เมื่อราคาลงมาถึงแนวรับ Fibo ให้มองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาขึ้น เช่น Hammer, Bullish Engulfing, หรือ Morning Star

5. เข้าออเดอร์ Buy: หลังจากแท่งเทียนยืนยันปิดตัวลง ให้เข้าออเดอร์ Buy

• Take Profit (TP):

  • TP1: ตั้งไว้ที่ระดับ 0.0% ของ Fibo (จุดสูงสุดเดิมของคลื่น)

  • TP2: ตั้งไว้ที่ระดับ Extension 161.8% (ต้องเปิดใช้งานใน Input) หรือแนวต้านสำคัญถัดไป

• Stop Loss (SL):

  • ตั้งไว้ต่ำกว่าระดับ Fibo ที่เข้าเล็กน้อย หรือตั้งไว้ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น (ระดับ 100.0%) เพื่อความปลอดภัย

วิธีการเข้า Sell (Short Position)

1. มองหาเทรนด์ขาลง: สังเกตจากโครงสร้างราคาที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) และจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High)

2. รอราคาดีดตัว (Rally): ในเทรนด์ขาลง ราคาจะมีการดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน

3. สังเกตแนวต้าน Fibonacci: FiboZigZag จะกาง Fibo ให้อัตโนมัติ ให้รอจนกว่าราคาจะดีดตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ Fibo สำคัญ เช่น 38.2%, 50.0%, หรือ 61.8%

4. หาสัญญาณยืนยัน (Confirmation Signal): เมื่อราคาขึ้นไปถึงแนวต้าน Fibo ให้มองหารูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลง เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing, หรือ Evening Star

5. เข้าออเดอร์ Sell: หลังจากแท่งเทียนยืนยันปิดตัวลง ให้เข้าออเดอร์ Sell

• Take Profit (TP):

  • TP1: ตั้งไว้ที่ระดับ 0.0% ของ Fibo (จุดต่ำสุดเดิมของคลื่น)

  • TP2: ตั้งไว้ที่ระดับ Extension 161.8% หรือแนวรับสำคัญถัดไป

• Stop Loss (SL):

  • ตั้งไว้สูงกว่าระดับ Fibo ที่เข้าเล็กน้อย หรือตั้งไว้สูงกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น (ระดับ 100.0%)

ข้อควรจำ: การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) คือหัวใจสำคัญที่สุด ไม่มี Indicator ใดที่แม่นยำ 100% ควรเทรดด้วยความเสี่ยงที่ยอมรับได้เสมอ

สามารถ Download Indicator ได้ที่ :

https://www.mql5.com/en/code/download/50652/fibozigzag.mq5