ถอดรหัสกระแสตลาดด้วย Information Flow Analysis (IFA): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ MT4
ในโลกของการเทรดที่ข้อมูลมีความซับซ้อน การมีเครื่องมือที่สามารถกลั่นกรอง "กระแสข้อมูล" ของตลาด (Market Flow) ออกมาเป็นภาพที่เข้าใจง่าย ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง "Information Flow Analysis" หรือ IFA คืออินดิเคเตอร์แนวคิดใหม่ที่ทำหน้าที่นั้น โดยมันไม่ได้วัดแค่โมเมนตัมหรือปริมาณการซื้อขายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนของตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างมาตรวัด "สภาวะตลาด" ที่ครอบคลุมและเป็นมาตรฐานบทความนี้จะอธิบายแนวคิด, หลักการทำงาน, และวิธีการนำอินดิเคเตอร์ Information Flow Analysis (IFA) v1.50 สำหรับ MT4 ไปประยุกต์ใช้ในการเทรด
1. ที่มาและความหมาย (Origin and Meaning)
อินดิเคเตอร์ตัวนี้มีพื้นฐานแนวคิดมาจาก "Information Flow Analysis: Systematic Multi-Component Market Analysis Framework" โดย DskyzInvestments บนแพลตฟอร์ม TradingView 1ซึ่งเป็นกรอบการวิเคราะห์ตลาดแบบหลายองค์ประกอบที่เรียกว่า "Hybrid Kernel"
สำหรับเวอร์ชัน MT4 (v1.50) ที่เรากำลังพูดถึงนี้ ผมได้นำแนวคิดดังกล่าวมาพอร์ตและพัฒนาต่อยอด (Port & Fix) เพื่อให้สามารถทำงานบน MetaTrader 4 ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ เช่น Dashboard ที่แสดงผลแบบกราฟิก, ลูกศรบอกสัญญาณ (Price markers), และบัฟเฟอร์ข้อมูลสำหรับ Expert Advisors (EA)
ความหมายของ "Information Flow" ในที่นี้ คือการวัด "กระแส" หรือ "แรงส่ง" ของตลาดที่ผ่านการประมวลผลและทำให้เป็นมาตรฐานทางสถิติ (Statistically Normalized) เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเปรียบเทียบสภาวะตลาดในปัจจุบันกับข้อมูลในอดีตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Concept และหลักการทำงาน (Concept and How it Works)
หัวใจของ IFA คือการไม่พึ่งพาข้อมูลเพียงด้านเดียว แต่เป็นการ "หลอมรวม" (Fusion) ข้อมูลสำคัญ 3 ส่วนเข้าด้วยกัน:
องค์ประกอบที่ 1: Directional Flow (กระแสทิศทาง) - น้ำหนัก 50%
วิเคราะห์โมเมนตัมของราคาใน 3 มิติ:
-
Price Vector ($p$): ทิศทางภายในแท่งเทียน (Close - Open).
-
Momentum Vector ($m$): ความเร็วระหว่างแท่งเทียน (Close ปัจจุบัน - Close ก่อนหน้า).
-
Acceleration Vector (a): อัตราเร่งของโมเมนตัม (Momentum ปัจจุบัน - Momentum ก่อนหน้า).
ในโค้ด MQL4: คำนวณในฟังก์ชัน DirectionalFlow()
องค์ประกอบที่ 2: Volume-Weighted Pressure (แรงกดดันจากปริมาณ) - น้ำหนัก 35%
วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ "ยืนยัน" ด้วยปริมาณการซื้อขาย 9โดยจะตรวจสอบว่าปริมาณการซื้อขายในแท่งเทียนปัจจุบันสูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (r_v) 10และจะให้ค่าน้ำหนักที่แตกต่างกัน (เช่น ให้ค่าน้ำหนัก 1.4x หากวอลุ่มสูงมาก หรือ 0.7x หากวอลุ่มต่ำมาก)11.
ในโค้ด MQL4: คำนวณในฟังก์ชัน VolumePressure()
องค์ประกอบที่ 3: Intrabar Development (พฤติกรรมในแท่งเทียน) - น้ำหนัก 15%
วิเคราะห์ว่าราคาปิดของแท่งเทียน (C) อยู่ ณ ตำแหน่งใดเมื่อเทียบกับกรอบ High-Low ของแท่งเทียนนั้น 12สัญญาณจะเกิดขึ้นหากราคาปิดอยู่ใกล้โซนบน (เช่น B>0.6) หรือโซนล่าง (เช่น B<0.4) 13แต่จะเป็นศูนย์หากราคาปิดอยู่ตรงกลาง14.
ในโค้ด MQL4: คำนวณในฟังก์ชัน IntrabarDevelopment()
การรวมและทำให้เป็นมาตรฐาน (Integration & Normalization)
-
Master Flow: อินดิเคเตอร์จะรวมค่าทั้ง 3 องค์ประกอบตามสัดส่วนน้ำหนัก (50% + 35% + 15%) และคูณด้วยค่า
Inp_AnalysisSensitivity
ได้เป็นค่า "Raw Flow" -
Z-Score: ค่า Raw Flow นี้จะถูกนำไปคำนวณหาค่า Z-Score (โดยใช้
Inp_LookbackPeriod
) เพื่อวัดว่าค่าปัจจุบันเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยในอดีตมากน้อยเพียงใด (กี่เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน). -
Normalization: ค่า Z-Score ($z$) จะถูกจำกัดขอบเขตไว้ที่ -3 ถึง +3 และปรับสเกลสุดท้าย (หารด้วย 3) ให้กลายเป็นค่า Normalized Flow ($N$) ซึ่งมีค่าเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง -1.0 (Bearish สูงสุด) ถึง +1.0 (Bullish สูงสุด).
ค่า นี้คือสิ่งที่แสดงบน "Primary Flow Gauge" ใน Dashboard ของ MT4 นั่นเอง
3. วิธีการติดตั้ง (Installation)
-
เปิดโปรแกรม MT4 ของคุณ
-
ไปที่เมนู File > Open Data Folder
-
ไปที่โฟลเดอร์ MQL4 > Indicators
-
นำไฟล์อินดิเคเตอร์
Information Flow Analysis (IFA) - MT4 (v1.50 Graphic Gauge).mq4
(หรือ .ex4) ไปวางในโฟลเดอร์นี้ -
กลับมาที่ MT4, คลิกขวาที่หน้าต่าง Navigator (แถบด้านซ้าย) และเลือก Refresh
-
คุณจะพบอินดิเคเตอร์ชื่อ "Information Flow Analysis" ในรายการ
-
ลากอินดิเคเตอร์มาวางบนกราฟที่ต้องการใช้งาน
4. การนำไปใช้งาน (Interpreting the Dashboard)
Dashboard ของ IFA v1.50 คือศูนย์บัญชาการหลัก มันจะแสดงค่าที่คำนวณได้ล่าสุด (แท่งเทียนที่ 0) โดยมีส่วนสำคัญดังนี้:
-
Primary Flow Gauge (เกจวัดกระแส):
-
แสดงค่า $N$ (Normalized Flow) ระหว่าง -1.0 ถึง +1.0 [cites: 70, 72, 73].
-
ฝั่งขวา (สีเขียว): สภาวะ Bullish ( $N > 0.01$ )
-
ฝั่งซ้าย (สีแดง): สภาวะ Bearish ( $N < -0.01$ )
-
ว่างเปล่า (ตรงกลาง): สภาวะเป็นกลาง (Neutral)
-
-
Flow Intensity Visualization (แถบความเข้ม):
-
แสดงค่า Strength ($S$) 23 หรือ "ความรุนแรง" ของกระแส (คำนวณจาก $I = |z|$) [cites: 45, 83].
-
สีขาว ( $S < 33\%$ ): ความเข้มต่ำ, สภาวะเป็นกลาง
-
สีฟ้า/เขียว ( $33\% \le S \le 66\%$ ): ความเข้มปานกลาง,
-
สีส้ม ( $S > 66\%$ ): ความเข้มสูง, มีความเชื่อมั่นในทิศทางนั้นๆ สูง
-
-
Dynamic Narrative (ข้อความวิเคราะห์):
-
แสดงข้อความสรุปสภาวะตลาดตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น:
-
"Neutral Flow": สภาวะเป็นกลาง ( $S \le 50$ และ $|N| \le 0.3$ )
-
"High Volatility": ความผันผวนสูง ( $S > 50$ แต่ $|N| \le 0.3$ )
-
"Bullish/Bearish Flow": กระแสเริ่มชัดเจน ( $|N| > 0.3$ )
-
"EXTREME FLOW": สภาวะสุดขีด ($I > 2.0$ และ $|N| > 0.6$) นี่คือสัญญาณเตือนถึงจุดที่อาจมีการกลับตัวหรือหมดแรง
-
-
5. การ Entry Order (Trading Signals)
อินดิเคเตอร์ IFA v1.50 จะสร้างลูกศร (หากเปิดใช้งาน Inp_ShowArrows
) บนกราฟโดยอ้างอิงจาก 2 เงื่อนไขหลัก (อ้างอิงจากโค้ด OnCalculate
):
-
Shift Signal (สัญญาณการเปลี่ยนกระแส)
-
BUY (ลูกศรขึ้น): เกิดขึ้นเมื่อค่า Flow ($N$) พุ่งทะลุเกณฑ์
Inp_ShiftThresh
(ค่าเริ่มต้น 0.3) ขึ้นไป (จากที่เคยอยู่ต่ำกว่า) นี่คือสัญญาณ "Bullish Shift" -
SELL (ลูกศรลง): เกิดขึ้นเมื่อค่า Flow ($N$) ร่วงทะลุเกณฑ์
Inp_ShiftThresh
(ค่าเริ่มต้น -0.3) ลงไป (จากที่เคยอยู่สูงกว่า) นี่คือสัญญาณ "Bearish Shift"
-
-
Extreme Signal (สัญญาณสภาวะสุดขีด)
-
BUY (ลูกศรขึ้น): เกิดขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะ "Extreme" ($|z| > 2.0$) และค่า Flow ($N$) เป็นบวกอย่างรุนแรง ( $N > 0.6$ )
-
SELL (ลูกศรลง): เกิดขึ้นเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะ "Extreme" ($|z| < -2.0$) และค่า Flow ($N$) เป็นลบอย่างรุนแรง ( $N < -0.6$ )
-
กลยุทธ์การเข้าเทรด:
ควรรอให้ "แท่งเทียนที่เกิดสัญญาณ" ปิดตัวลงก่อน เพื่อยืนยันว่าค่า Flow ที่คำนวณได้นั้นคงที่แล้ว จากนั้นจึงพิจารณาเข้า Order ในแท่งเทียนถัดไป
-
Entry Buy: เมื่อเห็นลูกศรสีเขียว (
IFA_BuyArrow
) ปรากฏใต้แท่งเทียน และแท่งเทียนนั้นปิดตัวลง -
Entry Sell: เมื่อเห็นลูกศรสีแดง (
IFA_SellArrow
) ปรากฏเหนือแท่งเทียน และแท่งเทียนนั้นปิดตัวลง
ข้อควรระวัง: สัญญาณ "Extreme" (ประเภทที่ 2) อาจหมายถึงการหมดแรงของเทรนด์ (Trend Exhaustion) 33 หรืออาจหมายถึงโมเมนตัมที่รุนแรงมากก็ได้ เทรดเดอร์ควรใช้การวิเคราะห์อื่นประกอบ
6. การตั้ง Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP)
IFA เป็นอินดิเคเตอร์ที่บอก "สภาวะ" และ "จังหวะ" แต่ไม่ได้ให้ระดับราคา SL/TP ที่ชัดเจน ดังนั้นเราควรใช้หลักการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ทั่วไป:
-
Stop Loss (SL):
-
สำหรับ lệnh Buy: ตั้ง SL ไว้ใต้จุดต่ำสุด (Low) ของแท่งเทียนที่เกิดสัญญาณ หรือที่ Swing Low ล่าสุด
-
สำหรับ lệnh Sell: ตั้ง SL ไว้เหนือจุดสูงสุด (High) ของแท่งเทียนที่เกิดสัญญาณ หรือที่ Swing High ล่าสุด
-
-
Take Profit (TP):
-
แบบที่ 1 (R:R Ratio): ตั้ง TP ตามอัตราส่วน Risk/Reward ที่ยอมรับได้ เช่น 1:1.5 หรือ 1:2
-
แบบที่ 2 (Counter-Signal): ถือสถานะไปจนกว่าจะเกิดลูกศรสัญญาณฝั่งตรงข้าม
-
แบบที่ 3 (Flow Fading): ปิดทำกำไรเมื่อ Flow Gauge ($N$) เริ่มกลับเข้าใกล้ 0 หรือเมื่อแถบ Intensity ($S$) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (เช่น จากสีส้มกลับเป็นสีขาว) ซึ่งบ่งชี้ว่ากระแสเริ่มอ่อนแรง
-
7. บทสรุป (Conclusion)
Information Flow Analysis (IFA) ไม่ใช่ "จอกศักดิ์สิทธิ์" (Holy Grail) ที่คาดการณ์อนาคตได้ แต่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สภาวะตลาด (Market Condition Assessment Tool) ที่ทรงพลังอย่างยิ่งจุดแข็งของมันคือการรวมปัจจัยสำคัญ 3 ด้าน (โมเมนตัม, ปริมาณ, และพฤติกรรมราคา) มากลั่นกรองเป็นค่าคะแนนมาตรฐาน (-1 ถึง +1) ที่ช่วยให้เทรดเดอร์ "อ่าน" ตลาดได้ง่ายขึ้น ว่าขณะนี้ตลาดอยู่ในสภาวะ มีเทรนด์ (Trending) , พักตัว (Ranging) , หรือ สุดขีด (Extreme)
สำหรับนักพัฒนา EA: อินดิเคเตอร์เวอร์ชันนี้ถูกออกแบบมาอย่างดี โดยมีบัฟเฟอร์ข้อมูล (เช่น BufNorm
, BufBuy
, BufSell
) ที่ซ่อนไว้ ( DRAW_NONE
) เพื่อให้ EA สามารถเรียกใช้ค่า $N$ หรือสัญญาณ Buy/Sell (ค่า 1.0 หรือ -1.0) ผ่านฟังก์ชัน iCustom()
ได้โดยตรงดังนั้น ควรใช้ IFA เป็นเครื่องมือยืนยัน (Confirmation) หรือใช้กรองสภาวะตลาด (Market Filter) ร่วมกับกลยุทธ์หลัก, การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน, และการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดเสมอ
สามารถ Download Indicators :
ตาลายเรย🤣
ทิ้งคำตอบไว้
- 44 ฟอรัม
- 3,134 หัวข้อ
- 9,439 กระทู้
- 35 ออนไลน์
- 4,156 สมาชิก