ถ้าคุณอยากรู้ว่า ตอนนี้เงินทุนกำลังไหลเข้า หรือไหลออกจากตลาด? หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยตอบได้ชัดคือ Money Flow Index (MFI) เพราะมันไม่ใช่แค่ Oscillator ที่ดูราคาล้วนๆ แต่ยังคำนวณจาก Volume เพื่อวัดแรงซื้อขายจริง

MFI คืออะไร?

MFI เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator คล้าย RSI
แต่ต่างตรงที่ MFI ใช้ทั้งราคาและปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในการคำนวณ
ค่าที่ได้จะอยู่ระหว่าง 0–100

• MFI > 80  ตลาดอยู่ในภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป)

• MFI < 20 ตลาดอยู่ในภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป)

การใช้งาน MFI ในการเทรด Forex

1. หาจุดกลับตัวจาก Overbought/Oversold

   • MFI > 80 แล้วเริ่มหักหัวลง  อาจเป็นสัญญาณขาย

   • MFI < 20 แล้วเริ่มหักหัวขึ้น  อาจเป็นสัญญาณซื้อ

2. ดู Divergence

   • ราคาทำ New High แต่ MFI ไม่ทำ New High  สัญญาณขาลง

   • ราคาทำ New Low แต่ MFI ไม่ทำ New Low  สัญญาณขาขึ้น

3. ยืนยันทิศทางเทรนด์

   • MFI เคลื่อนในโซนสูงต่อเนื่อง เทรนด์ขาขึ้นแข็งแรง

   • MFI เคลื่อนในโซนต่ำต่อเนื่อง เทรนด์ขาลงแข็งแรง

ตัวอย่างกลยุทธ์ MFI + EMA

• ใช้ EMA 50 กรองทิศทาง

• ถ้า EMA ชี้ขึ้นและ MFI เด้งจากโซน Oversold  Buy

• ถ้า EMA ชี้ลงและ MFI เด้งจากโซน Overbought  Sell

จุดเด่นของ MFI

• ใช้ Volume ช่วยกรองสัญญาณ → แม่นกว่า Oscillator ที่ดูราคาอย่างเดียว

• เหมาะกับการหาจุดกลับตัวและยืนยันเทรนด์

• ใช้ได้กับทุกคู่เงินและ Timeframe

ข้อควรระวัง

• ในตลาดที่ไม่มี Volume จริง (บางโบรกเกอร์)  ค่าที่ได้อาจไม่แม่น

• ไม่ควรใช้เดี่ยวๆ ควรผสมกับเครื่องมืออื่น

• สัญญาณจากโซน Overbought/Oversold อาจใช้เวลานานกว่าจะกลับตัว

เคล็ดลับเสริม

• ใช้ Timeframe ใหญ่กรองก่อนเข้า Timeframe เล็ก

• หาจุดเข้าที่มีทั้ง MFI สัญญาณชัด + Price Action ยืนยัน

• ฝึก Backtest เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะกับคู่เงินที่เทรด

ส่งท้าย

Money Flow Index (MFI) เป็นเหมือนเครื่องวัดแรงซื้อขายจริงในตลาด
ถ้าใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้มและ Price Action มันสามารถช่วยให้คุณจับจังหวะได้แม่นขึ้น
สุดท้าย การรู้ว่า “เงินกำลังไหลไปทางไหน” อาจเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้คุณตัดสินใจเทรดได้ดีกว่าคนอื่น

อ่านบทความต้นฉบับ พร้อมตัวอย่างกราฟได้ที่นี่
👉 Money Flow Index (MFI) – อินดี้วัดแรงซื้อขายจาก Volume