coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
สรุปสาระจากหนังสือ ...
 
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

สรุปสาระจากหนังสือ Amazing Forex System

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
51 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 504
หัวข้อเริ่มต้น  

เอกสารนี้อธิบายระบบการเทรด Forex ที่เรียกว่า "Amazing Forex System" ซึ่งพัฒนาโดย Robert Borowski ในปี 2004 ระบบนี้อ้างว่าสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ 200 ถึง 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่านั้น โดยใช้เวลาทำงานเพียงวันละไม่ถึง 10 นาที และมีความเสี่ยงน้อยแต่มีโอกาสทำกำไรสูง กลยุทธ์หลักของระบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน เช่น การตีเส้นแนวโน้ม (Trendlines), การใช้อินดิเคเตอร์ (Indicators) หรือ Fibonacci แต่เป็นเพียงการทำตามขั้นตอนง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน ระบบนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex ไปจนถึงเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์แล้ว

 

คำเตือนทางกฎหมายและความเสี่ยง

ผู้เขียนได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้เป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุนหรือการเงิน การเทรด Forex มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน และมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ใช้งานต้องยอมรับความรับผิดชอบทั้งหมดต่อการกระทำ, การเทรด, กำไร หรือขาดทุนของตนเอง

 

แนวคิดหลักของระบบ

หัวใจของกลยุทธ์นี้คือการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็วในช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ หรือที่เรียกว่า "Fundamental Announcements" โดยปกติแล้ว เมื่อมีการประกาศข่าวเหล่านี้ ราคาของคู่สกุลเงินมักจะ "กระโดด" (JUMP) ขึ้นหรือลงอย่างรุนแรงประมาณ 30-60 pips หรืออาจมากถึง 100 pips ภายในไม่กี่นาที กลยุทธ์นี้คือการดักจับการเคลื่อนไหวของราคาดังกล่าว โดยการตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Entry Orders) ทั้งสองทิศทาง (ทั้งซื้อและขาย) ก่อนที่ข่าวจะประกาศเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไปในทิศทางใด เทรดเดอร์ก็จะสามารถทำกำไรได้

 

 

ความรู้พื้นฐานที่จำเป็น

  • คู่สกุลเงิน (Currency Pairs): การเทรด Forex คือการซื้อขายสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยส่วนใหญ่มักจะเทรดเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY เป็นต้น

  • Pip (Price Interest Point): คือหน่วยที่เล็กที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคา สำหรับบัญชีเทรดปกติ (Standard Lot) 1 pip จะมีมูลค่าประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ

  • บัญชี Mini และ Standard: บัญชี Standard ต้องใช้เงินประกัน (Margin) ประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อควบคุม Lot ขนาด 100,000 ดอลลาร์ สำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีทุนน้อย สามารถเปิดบัญชี Mini ซึ่งใช้เงินเริ่มต้นเพียง 300 ดอลลาร์ โดยที่ 1 pip จะมีมูลค่าประมาณ 1 ดอลลาร์

  • การบริหารความเสี่ยง (Equity Management): ไม่ควรเสี่ยงเกิน 2% ของเงินทุนในบัญชีต่อการเทรดหนึ่งครั้ง สำหรับบัญชี Mini ที่มีขนาดเล็ก อาจยืดหยุ่นให้เสี่ยงได้ถึง 5%

  • สิ่งที่ต้องมี:

    1. บัญชีเทรดจริง (Live Account)

    2. บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝน

    3. โปรแกรมดูกราฟ (Charts) ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีให้ใช้ฟรี

       
       

กลยุทธ์การเทรดโดยละเอียด

 

ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบปฏิทินข่าว (Fundamental Announcement Calendar) ค้นหาเว็บไซต์ที่เผยแพร่ปฏิทินข่าวเศรษฐกิจ (มีลิงก์ให้ในส่วน "Resources" ของเว็บไซต์ผู้เขียน) เพื่อดูว่าในแต่ละวันมีประกาศข่าวสำคัญของประเทศใดบ้าง และเวลาใด

 
 

ขั้นตอนที่ 2: ระบุข่าวและเวลาที่น่าสนใจ

  • มองหาช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวหลายรายการพร้อมกันจากประเทศเดียวกัน เพราะจะทำให้ตลาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น

     
  • แปลงเวลาประกาศข่าวซึ่งส่วนใหญ่อ้างอิงตามเวลา GMT (Greenwich Mean Time) ให้เป็นเวลาท้องถิ่นของตนเอง

     
     

ขั้นตอนที่ 3: การเตรียมตัว (15 นาทีก่อนข่าวออก)

  • ประมาณ 15 นาทีก่อนเวลาประกาศข่าว ควรเตรียมพร้อมหน้าคอมพิวเตอร์

     
  • เปิดกราฟแท่งเทียน (Candlestick) แบบ 1 นาที ของคู่สกุลเงินที่ต้องการเทรด (เช่น EUR/USD, GBP/USD)

     
  • เปิดโปรแกรมเทรดของโบรกเกอร์และเตรียมพร้อมที่จะส่งคำสั่ง

     

ขั้นตอนที่ 4: การวางคำสั่ง (1 นาทีก่อนข่าวออก)

  1. ณ เวลา 1 นาทีก่อนข่าวประกาศ (เช่น 8:29 น. สำหรับข่าวที่ประกาศตอน 8:30 น.) ให้ดูที่ราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) ของแท่งเทียนปัจจุบัน (8:29 น.) และแท่งเทียก่อนหน้า (8:28 น.)

     
     
  2. คำนวณจุดเข้า:

    • จุดเข้าซื้อ (Buy Entry): นำ "ราคาสูงสุด" ที่หาได้จากข้อ 1 มาบวกเพิ่ม 10 pips

       
    • จุดเข้าขาย (Sell Entry): นำ "ราคาต่ำสุด" ที่หาได้จากข้อ 1 มาลบออก 10 pips

       
  3. ตั้งคำสั่ง Entry Orders 2 คำสั่ง:

    • ตั้งคำสั่ง Buy Stop ที่ "จุดเข้าซื้อ" ที่คำนวณไว้

       
    • ตั้งคำสั่ง Sell Stop ที่ "จุดเข้าขาย" ที่คำนวณไว้

       
  4. ตั้ง Stop Loss (สำคัญมาก):

    • สำหรับคำสั่ง Buy ให้ตั้ง Stop Loss ไว้ที่ระดับ "ราคาสูงสุด" เดิม (เท่ากับขาดทุน 10 pips)

       
    • สำหรับคำสั่ง Sell ให้ตั้ง Stop Loss ไว้ที่ระดับ "ราคาต่ำสุด" เดิม (เท่ากับขาดทุน 10 pips)

       
    • ห้ามเทรดโดยไม่มี Stop Loss เด็ดขาด

       
  5. ตั้ง Take Profit (ไม่บังคับ): สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ตั้งเป้าหมายทำกำไร (Limit) ที่ 20 pips สำหรับทั้งสองคำสั่ง

     
     

ขั้นตอนที่ 5: การจัดการหลังข่าวออก

  • ภายใน 5 นาทีหลังข่าวออก ควรมีคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งทำงาน

     
  • ทันทีที่คำสั่งหนึ่งทำงาน ให้ยกเลิกอีกคำสั่งที่เหลืออยู่ทันที

     
  • หากตั้ง Take Profit ไว้ที่ 20 pips เมื่อราคาไปถึงเป้าหมาย การเทรดก็จะปิดโดยอัตโนมัติพร้อมกำไรประมาณ 200 ดอลลาร์ (สำหรับการเทรด 1 standard lot)

     
     

 

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและวิธีรับมือ

 

  • Whiplash (การสะบัดของราคา): บางครั้งราคาสะบัดไปทางหนึ่งเพื่อเกี่ยวคำสั่งของเราให้ทำงาน แล้วชน Stop Loss (ขาดทุน 10 pips) จากนั้นจึงวิ่งไปอีกทางหนึ่งอย่างรุนแรง หากเกิดเหตุการณ์นี้ คำสั่งที่สองมักจะทำงานและทำกำไรได้ ซึ่งสามารถนำมาหักลบกับการขาดทุนครั้งแรกได้

  • Duds (ข่าวไม่ออกผล): บางครั้งตลาดก็ไม่ตอบสนองต่อข่าว หากผ่านไป 3 นาทีแล้วราคายังไม่เคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ ให้ถือว่าเป็น "Dud" และให้ยกเลิกคำสั่งที่ตั้งค้างไว้ทั้งหมด

     
     
     

 

ข่าวประกาศที่สำคัญ (Key Announcements)

 

ข่าวที่มีแนวโน้มทำให้เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงที่สุด ได้แก่:

  • สำคัญที่สุด: รายงานการจ้างงาน (Unemployment Reports), อัตราดอกเบี้ย (Interest Rates)

  • สำคัญรองลงมา: ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI), อัตราเงินเฟ้อ (Inflation), ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

  • ควรจับตาดู: ปริมาณเงินในระบบ (M2), งบประมาณแผ่นดิน (Treasury Budget), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI), ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และดุลการค้า (International Trade)

     

 

เทคนิคและคำแนะนำเพิ่มเติม

  • เทคนิค "At Work": หากไม่สามารถอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้ ให้ใช้วิธีโทรศัพท์หาโบรกเกอร์เพื่อตั้งคำสั่ง โดยอาจต้องเพิ่มระยะห่างจาก High/Low เป็น 15 pips เพื่อความปลอดภัย

     
  • เทคนิค "Gone Surfing" (ปล่อยกำไร): หากมีเวลาเฝ้าหน้าจอ ไม่ต้องตั้ง Limit แต่ให้ใช้วิธีเลื่อน Stop Loss ตามกำไรไปเรื่อยๆ (Trailing Stop) เพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุด

     
     
  • Market Overlap: ช่วงเวลาที่ตลาดหลักสองแห่งเปิดทับซ้อนกัน (เช่น ตลาดยุโรปและอเมริกา เวลา 8:00-12:00 น. EST) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรดเพราะมีความผันผวนสูง

     
  • ห้ามถือออเดอร์ข้ามสัปดาห์: ห้าม ถือสถานะเปิดทิ้งไว้ในช่วงสุดสัปดาห์ (วันเสาร์-อาทิตย์) โดยเด็ดขาด เพราะเมื่อตลาดเปิดในวันจันทร์อาจเกิด "Gap" (การกระโดดของราคา) ซึ่งอาจทำให้ Stop Loss ไม่ทำงานและส่งผลให้ขาดทุนอย่างหนักได้ ควรปิดทุกสถานะภายในเที่ยงวันศุกร์ (ตามเวลา EST)

     
     
     
  • การฝึกฝน: ผู้เขียนเน้นย้ำอย่างยิ่งว่า ต้องฝึกฝนด้วยบัญชี Demo จนกว่าจะเข้าใจและทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ (อย่างน้อย 5-10 ครั้งที่ชนะ) ก่อนที่จะใช้เงินจริงในการเทรด

 

 

 

 

 

สามารถ Download PDF File ได้ที่ :



   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: