coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

สร้างระบบเทรดทำกำไรด้วย MA + MACD: คู่มือฉบับสมบูรณ์

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
183 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
โพสกะทู้ครบ 1000
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 508
หัวข้อเริ่มต้น  

การสร้างระบบเทรดที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการลงทุนในตลาดทุน การผสมผสานอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่เหมาะสมสามารถช่วยยืนยันสัญญาณและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี บทความนี้จะนำเสนอการสร้างระบบเทรดจากการผสมผสานระหว่าง Moving Average (MA) และ Moving Average Convergence Divergence (MACD) ซึ่งเป็นสองอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่ทรงพลังและเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนทั่วโลก


 

แนวคิด (Concept) ของระบบเทรด MA + MACD

แนวคิดหลักของระบบนี้คือการใช้ Moving Average (MA) เพื่อ ระบุแนวโน้มหลัก (Trend) ของราคา และใช้ MACD เพื่อ หาจังหวะและโมเมนตัมในการเข้าซื้อขาย (Timing & Momentum)

  • Moving Average (MA): ทำหน้าที่เป็นเสมือนเส้นแนวโน้มที่เรียบง่าย ช่วยกรองความผันผวนของราคาในระยะสั้นออกไป ทำให้เรามองเห็นทิศทางหลักของตลาดได้ชัดเจนขึ้น ในระบบนี้ เรามักจะใช้เส้น MA ที่มีระยะเวลายาว (เช่น 50, 100, หรือ 200 วัน) เพื่อตัดสินว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือขาลง (Downtrend)

    • หากราคาเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้น MA ตีความได้ว่าเป็น แนวโน้มขาขึ้น

    • หากราคาเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้น MA ตีความได้ว่าเป็น แนวโน้มขาลง

  • MACD: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดโมเมนตัมของราคา ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ เส้น MACD, เส้น Signal, และ Histogram การตัดกันของเส้น MACD และเส้น Signal (MACD Crossover) บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมและมักถูกใช้เป็นสัญญาณในการเข้าซื้อหรือขาย

    • สัญญาณซื้อ (Golden Cross): เมื่อเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal

    • สัญญาณขาย (Death Cross): เมื่อเส้น MACD ตัดลงต่ำกว่าเส้น Signal

หัวใจของระบบเทรดนี้ คือการรอให้ MA ยืนยันแนวโน้มหลัก ก่อน จากนั้นจึง ใช้สัญญาณจาก MACD Crossover เป็นตัวจุดประกายในการเข้าเทรดตามทิศทางของแนวโน้มนั้น วิธีนี้จะช่วยกรองสัญญาณหลอก (False Signals) ที่อาจเกิดขึ้นจาก MACD ในช่วงที่ตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน (Sideways)


 

วิธีการติดตั้ง Indicator

อินดิเคเตอร์ทั้ง MA และ MACD เป็นเครื่องมือมาตรฐานที่มีอยู่แล้วในโปรแกรมเทรดส่วนใหญ่ เช่น TradingView, MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5), หรือโปรแกรม Streaming ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีขั้นตอนการติดตั้งง่ายๆ ดังนี้

  1. เปิดกราฟราคาของสินทรัพย์ที่คุณสนใจ

  2. ไปที่เมนู Indicators (อินดิเคเตอร์) หรือ Insert (แทรก)

  3. ค้นหาอินดิเคเตอร์ที่ต้องการ:

    • พิมพ์ "Moving Average" หรือ "MA" แล้วเลือกจากรายการ

    • พิมพ์ "MACD" แล้วเลือกจากรายการ

  4. คลิกเพื่อเพิ่มอินดิเคเตอร์ลงบนกราฟ

  5. การตั้งค่า (Settings):

    • สำหรับ MA: ให้กำหนดค่า Length หรือ Period (ระยะเวลา) ตามที่ต้องการ เช่น 50, 100 หรือ 200 วัน

    • สำหรับ MACD: โดยทั่วไปจะใช้ค่ามาตรฐาน (12, 26, 9) ซึ่งเป็นค่าที่ถูกตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว

เมื่อเพิ่มลงบนกราฟแล้ว คุณจะเห็นเส้น MA ปรากฏอยู่บนกราฟราคา และเห็นหน้าต่างของ MACD อยู่ด้านล่างของกราฟราคา


 

วิธีการใช้งาน (Entry Signals)

หลังจากติดตั้งและตั้งค่าอินดิเคเตอร์เรียบร้อยแล้ว เราจะใช้สัญญาณจากทั้งสองตัวร่วมกันเพื่อหาจังหวะเข้าเทรด ดังนี้

 

จุดเข้าซื้อ (Entry Buy) 📈

เราจะมองหาสัญญาณเข้าซื้อเมื่อตลาดอยู่ในสภาวะกระทิง (Bullish) โดยมีเงื่อนไขครบทั้ง 2 ข้อ ดังนี้:

  1. ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น: แท่งราคาต้องยืนอยู่เหนือเส้น Moving Average ที่เราตั้งค่าไว้ (เช่น MA 50) เพื่อเป็นการยืนยันว่าภาพรวมของตลาดยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น

  2. สัญญาณซื้อจาก MACD: ในหน้าต่างของ MACD เส้น MACD ต้องตัดขึ้นเหนือเส้น Signal (Golden Cross) เพื่อยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อเริ่มกลับเข้ามา

สรุปสัญญาณ Buy: "ราคายืนเหนือเส้น MA และ MACD เกิด Golden Cross"

 

จุดเข้าขาย (Entry Sell) 📉

ในทางกลับกัน เราจะมองหาสัญญาณเข้าขาย (หรือ Short Sell ในตลาด Futures) เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะหมี (Bearish) โดยมีเงื่อนไขครบทั้ง 2 ข้อ:

  1. ยืนยันแนวโน้มขาลง: แท่งราคาต้องเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้น Moving Average (เช่น MA 50) เพื่อยืนยันว่าภาพรวมเป็นแนวโน้มขาลง

  2. สัญญาณขายจาก MACD: ในหน้าต่างของ MACD เส้น MACD ต้องตัดลงต่ำกว่าเส้น Signal (Death Cross) เพื่อยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งขายกำลังมีอิทธิพล

สรุปสัญญาณ Sell: "ราคาอยู่ใต้เส้น MA และ MACD เกิด Death Cross"

การใช้ระบบเทรด MA + MACD นี้เป็นกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) ที่มีหลักการชัดเจนและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการระบบที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรมีการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เช่น การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และทดสอบระบบกับข้อมูลในอดีต (Backtesting) ก่อนนำไปใช้งานจริงเสมอ



   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: