การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

การวิเคราะห์ตลาดด้วยกราฟ Market Profile®: กลยุทธ์และการตีความพฤติกรรมตลาด

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
1 Reactions
44 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
Rank F
เข้าร่วม: 7 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 152
หัวข้อเริ่มต้น  

การวิเคราะห์ตลาดผ่านกราฟ Market Profile® เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่ผู้เทรดมืออาชีพใช้เพื่อทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมของตลาด การใช้กราฟนี้ทำให้สามารถเห็นภาพรวมของตลาดที่ช่วยในการตัดสินใจได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ว่าจะมีเครื่องมือและกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลาย แต่ Market Profile® ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีความสำคัญและสามารถประยุกต์ใช้ในตลาดที่แตกต่างกันได้อย่างหลากหลาย กราฟ Market Profile® ถูกพัฒนาโดย Peter Steidlmayer ที่ Chicago Board of Trade (CBOT) และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ตลาดในวันนี้

1. ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ Market Profile®

กราฟ Market Profile® เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด โดยการใช้กรอบเวลาที่เรียกว่า "Time/Price Opportunities" (TPOs) ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่ราคาถูกซื้อขายในระดับต่างๆ TPOs จะเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมในตลาดที่แสดงให้เห็นถึงราคาและเวลาที่มีการเคลื่อนไหวของตลาดในแต่ละช่วงเวลา จากนั้นเราสามารถใช้กราฟนี้ในการมองหาความสมดุล (Balance) หรือความไม่สมดุล (Imbalance) ของตลาด ซึ่งจะช่วยให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของการเทรดได้

กราฟ Market Profile® ใช้การแสดงผลข้อมูลทางการเงินในรูปแบบกราฟที่มีความยืดหยุ่น โดยจะมีการแสดงผลราคาที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาต่างๆ ทำให้ผู้เทรดสามารถเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบที่ชัดเจนขึ้น โดยจะมีการแบ่งช่วงราคาออกเป็นพื้นที่ต่างๆ ที่เรียกว่า "Value Area" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ราคาถูกซื้อขายมากที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ และ "Rejected Areas" ซึ่งคือพื้นที่ที่มีการซื้อขายน้อยและแสดงถึงราคาไม่สมดุลที่ถูกทดสอบแต่ไม่สามารถยืนยันได้

2. โครงสร้างการจัดระเบียบตลาด

ตลาดถูกจัดระเบียบโดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า "Auction Framework" ซึ่งหมายถึงกรอบที่ตลาดจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและย้อนกลับตามความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขาย เมื่อราคาเคลื่อนไหวขึ้นมันจะดึงดูดการซื้อเพิ่มขึ้น และเมื่อราคาเคลื่อนไหวลงมันจะดึงดูดการขายเพิ่มขึ้น กระบวนการนี้จะช่วยสร้างกรอบราคาและพื้นที่ที่การซื้อขายเกิดขึ้นซ้ำๆ และส่งผลให้เกิดการต่อรองราคาในตลาด

ตลาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะของการ "ประมูล" (Auction) โดยราคาเคลื่อนที่ขึ้นไปจนกว่าจะไม่มีผู้ซื้ออีกต่อไป จากนั้นราคาจะย้อนกลับลงไปจนไม่มีผู้ขายอีกต่อไป กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ และทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ในส่วนนี้ทำให้เราเห็นถึงพฤติกรรมของตลาดในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งสามารถช่วยในการตัดสินใจในระยะยาวได้อย่างแม่นยำ

3. การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เทรดระยะสั้นและระยะยาว

การแบ่งผู้เทรดออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ คือ ผู้เทรดระยะสั้น (Day Time Frame Traders) และผู้เทรดระยะยาว (Other Time Frame Traders) เป็นสิ่งที่สำคัญในการเข้าใจถึงพฤติกรรมของตลาด โดยผู้เทรดระยะสั้นมักจะมองหาราคา "ที่ยุติธรรม" (Fair Price) ที่สามารถทำการซื้อขายได้ภายในวันเดียว ในขณะที่ผู้เทรดระยะยาวจะมองหามูลค่าที่ "ได้เปรียบ" (Advantageous Price) ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องทำการซื้อขายในวันนี้ แต่จะรอราคาในช่วงที่ได้เปรียบในระยะยาว

พฤติกรรมของผู้เทรดทั้งสองกลุ่มมีผลต่อการพัฒนาของตลาด โดยที่เมื่อผู้เทรดระยะยาวเข้ามามีบทบาทในการขยายช่วงราคา (Range Extension) มักจะทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันเป็นระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดแนวโน้ม (Trend) หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่สมดุลในตลาด ในขณะที่ผู้เทรดระยะสั้นจะมีบทบาทในการกำหนดกรอบของช่วงราคา (Initial Balance) และทำให้ตลาดเคลื่อนไหวในลักษณะการหมุนเวียน (Rotation) ระหว่างราคาที่มีการซื้อขายมากที่สุด

4. การพัฒนาและขยายช่วงราคาของตลาด

เมื่อพูดถึงการพัฒนาและขยายช่วงราคาในตลาด การขยายช่วงราคา (Range Extension) จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เทรดระยะยาวเข้ามามีบทบาทในการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ต้องการ หากผู้เทรดระยะยาวมีบทบาทมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียวจนทำให้เกิดแนวโน้มที่มีการขยายช่วงราคา การขยายช่วงราคานี้ทำให้ผู้เทรดสามารถเห็นถึงความสมดุลและความไม่สมดุลของตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากไม่มีการขยายช่วงราคาหรือมีการขยายช่วงราคาน้อย การเคลื่อนไหวของตลาดจะเป็นการหมุนเวียนรอบ ๆ "Value Area" ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตลาดมีการซื้อขายมากที่สุด การหมุนเวียนนี้หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาภายในกรอบที่ตลาดได้กำหนดไว้ในช่วงเวลาแรก ๆ โดยไม่เกิดการขยายช่วงราคามากนัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาด

5. การวิเคราะห์กิจกรรมในแต่ละช่วงเวลา

ในการวิเคราะห์กิจกรรมของตลาดในแต่ละช่วงเวลา ผู้เทรดจะสามารถระบุได้ว่าในช่วงเวลานั้นตลาดกำลังเคลื่อนไหวในทิศทางใดและมีการขยายช่วงราคา (Range Extension) หรือไม่ การแบ่งกิจกรรมออกเป็นสามประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  1. Extremes: พื้นที่ที่ราคามีการเคลื่อนไหวสูงสุดและต่ำสุดในตลาด ซึ่งเกิดจากการแข่งขันระหว่างผู้เทรดระยะยาวและระยะสั้น
  2. Range Extension: การขยายช่วงราคาที่เกิดขึ้นเมื่อผู้เทรดระยะยาวเข้ามามีบทบาทในการเคลื่อนไหวของราคา
  3. Value Area: พื้นที่ที่ตลาดมีการซื้อขายมากที่สุด ซึ่งช่วยให้เห็นถึงมูลค่าที่ตลาดยอมรับ

การวิเคราะห์ในแต่ละส่วนนี้ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเข้าใจถึงพฤติกรรมของตลาดและผู้เทรดในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจในการเทรดมีความแม่นยำมากขึ้น

6. การใช้ข้อมูลจาก Liquidity Data Bank® เพื่อการประเมินตลาด

การใช้ข้อมูลจาก Liquidity Data Bank® ช่วยให้ผู้เทรดสามารถประเมินความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอของตลาดได้ โดยการใช้ข้อมูลการซื้อขาย (Volume) และการเคลื่อนไหวของตลาดที่สามารถบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือกิจกรรมในตลาด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้เทรดสามารถระบุได้ว่าในขณะนั้นตลาดมีความแข็งแกร่งหรือไม่ และช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมได้

สรุป

การศึกษากราฟ Market Profile® เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาด การเข้าใจถึงโครงสร้างของตลาด การพัฒนาและขยายช่วงราคา รวมถึงการประเมินกิจกรรมในแต่ละช่วงเวลา จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นและสามารถพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาด การใช้กราฟ Market Profile® ในการวิเคราะห์ตลาดไม่เพียงแต่ช่วยในการทำความเข้าใจตลาดในระยะสั้น แต่ยังช่วยให้ผู้เทรดสามารถรับมือกับตลาดที่มีการเคลื่อนไหวในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สามารถ Download เอกสารที่เกี่ยวข้องได้ที่ :

 


   
TibitoBlink reacted
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: