การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

การจัดการความเสี่ยงในตลาดฟอเร็กซ์: การวิเคราะห์กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงตามตัวบ่งชี้ RSI จากวิดีโอ Forex Hedging

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
32 เข้าชม
James Albert
(@james-albert)
สมาชิก
Rank F
เข้าร่วม: 7 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 152
หัวข้อเริ่มต้น  

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในการซื้อขายฟอเร็กซ์ (Forex) ที่อ้างอิงจากวิดีโอ YouTube เรื่อง "HOW TO HEDGE TRADING FOREX (2025) | Forex Hedging Strategy" จากช่อง Forex Hedging วิดีโอดังกล่าวได้นำเสนอกลยุทธ์ที่มีอัตราความแม่นยำ 80% พร้อมทั้งแนวทางการจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ด้วยเทคนิคการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) บทความนี้จะทำการสรุปและวิเคราะห์เนื้อหาสำคัญจากวิดีโอ เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจในกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างละเอียดและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการซื้อขายจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบพื้นฐานของการซื้อขาย

ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ตามแนวทางที่นำเสนอในวิดีโอ สามารถแบ่งองค์ประกอบออกเป็นสองส่วนหลักดังนี้:

  • การวางแผนเชิงรุก (Offensive Strategy): ขั้นตอนนี้คือการตัดสินใจเข้าสู่ตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดสถานะซื้อ (Long) หรือขาย (Short) ตามสัญญาณที่ปรากฏ การวางแผนเชิงรุกนี้เป็นส่วนของการวิเคราะห์ตลาดและการคาดการณ์ทิศทางของราคา
  • การวางแผนเชิงรับ (Defensive Strategy): เมื่อการซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ การวางแผนเชิงรับจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการความเสี่ยงและรักษาเงินทุน เทคนิคการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนเชิงรับที่มีประสิทธิภาพ

จากวิดีโอต้นฉบับ เน้นย้ำว่า ผลกำไรที่แท้จริงมักจะมาจากการวางแผนเชิงรับที่มีประสิทธิภาพ การจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวในการซื้อขายฟอเร็กซ์

กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง: รายละเอียดและขั้นตอน

กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงที่นำเสนอในวิดีโอ มีจุดมุ่งหมายหลักในการ:

  • บริหารจัดการอัตราส่วนมาร์จิ้น (Margin Management): ควบคุมและรักษาระดับมาร์จิ้นให้เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกเรียกหลักประกันเพิ่มเติม (Margin Call)
  • ลดความเสี่ยงโดยรวม (Risk Mitigation): จำกัดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
  • นำไปสู่สถานะปิด (Flat Position): เป้าหมายสุดท้ายของกลยุทธ์คือการออกจากสถานะการซื้อขายทั้งหมดอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

วิดีโออ้างว่ากลยุทธ์นี้มีความแม่นยำประมาณ 80% อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ 20% ที่กลยุทธ์อาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เทคนิคการป้องกันความเสี่ยงจะเข้ามาช่วยลดผลกระทบและจัดการสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การตั้งค่าแผนภูมิและตัวบ่งชี้ทางเทคนิค

เพื่อให้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงนี้ทำงานได้อย่างเหมาะสม จำเป็นต้องมีการตั้งค่าแผนภูมิและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคตามที่วิดีโอแนะนำดังนี้:

  • คู่สกุลเงิน (Currency Pair): วิดีโอแนะนำให้ใช้คู่สกุลเงิน USDCAD หรือ CAD เนื่องจากเป็นคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนและปริมาณการซื้อขายที่เหมาะสม
  • กรอบเวลา (Timeframe): กรอบเวลา 5 นาที (M5) เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกลยุทธ์นี้ วิดีโอเน้นย้ำว่ากลยุทธ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้งานบนกรอบเวลา 5 นาทีโดยเฉพาะ
  • ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicator): ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI) ถูกนำมาใช้เป็นตัวบ่งชี้หลักในการระบุสภาวะตลาดซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold)
    • ค่าพารามิเตอร์ RSI:
      • ความยาว (Length): ปรับค่าความยาวของ RSI เป็น 9 ช่วงเวลา
      • ระดับซื้อมากเกินไป (Overbought Level): กำหนดระดับ Overbought ไว้ที่ 80
      • ระดับขายมากเกินไป (Oversold Level): กำหนดระดับ Oversold ไว้ที่ 20
  • ช่วงเวลาซื้อขาย (Trading Session): เซสชันการซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก (New York Session) (โดยประมาณตั้งแต่ 8:45 น. ถึง 11:45 น. ตามเวลานิวยอร์ก) ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพของกลยุทธ์

เกณฑ์การเข้าสู่สถานะการซื้อขาย (Entry Criteria)

สัญญาณการเข้าสู่สถานะการซื้อขายจะเกิดขึ้นเมื่อตัวบ่งชี้ RSI แสดงสภาวะตลาดที่ชัดเจน:

  • สัญญาณขาย (Sell Signal - Overbought): เมื่อเส้น RSI ปิดตัว เหนือระดับ 80 แสดงว่าตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป และมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลดลง
  • สัญญาณซื้อ (Buy Signal - Oversold): เมื่อเส้น RSI ปิดตัว ต่ำกว่าระดับ 20 แสดงว่าตลาดอยู่ในสภาวะขายมากเกินไป และมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น

ข้อควรระวัง: สัญญาณการเข้าเทรดจะได้รับการยืนยันเมื่อแท่งเทียน (Candlestick) ปิดตัวเหนือหรือใต้ระดับ 80/20 อย่างชัดเจน การที่ราคาขึ้นไปแตะระดับแล้วปรับตัวลงมาโดยที่แท่งเทียนไม่ปิดเหนือหรือใต้ระดับดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ถูกต้อง

เมื่อเกิดสัญญาณการเข้าเทรด จะทำการเปิดสถานะซื้อหรือขายในแท่งเทียนถัดไป หลังจากแท่งเทียนที่เกิดสัญญาณ RSI ปิดตัวลง

การกำหนดค่าเป้าหมายและจุดตัดขาดทุน (Trade Setup)

  • เป้าหมายทำกำไร (Take Profit - TP): กำหนดเป้าหมายทำกำไรไว้ที่ 10 Pips จากราคาที่เปิดสถานะ โดยจะต่ำกว่าราคาเปิดสถานะสำหรับการขาย (Sell) และสูงกว่าราคาเปิดสถานะสำหรับการซื้อ (Buy)
  • จุดตัดขาดทุน (Stop Loss - SL): กำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 50 Pips จากราคาที่เปิดสถานะ โดยจะอยู่เหนือราคาเปิดสถานะสำหรับการขาย (Sell) และต่ำกว่าราคาเปิดสถานะสำหรับการซื้อ (Buy) จุดตัดขาดทุนที่กว้าง 50 Pips นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ "พื้นที่หายใจ" แก่ราคา เพื่อลดโอกาสที่ราคาจะผันผวนและชนจุดตัดขาดทุนก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่คาดการณ์ไว้

กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging Strategy) ในทางปฏิบัติ

ในกรณีที่การซื้อขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ และราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามจนถึงจุดตัดขาดทุน (Back Stop) แทนที่จะเป็นเป้าหมายทำกำไร วิดีโอแนะนำให้ใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เพื่อจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว ขั้นตอนการป้องกันความเสี่ยงมีดังนี้:

  1. เมื่อราคาชนจุดตัดขาดทุน (Back Stop Triggered): เมื่อราคาเคลื่อนที่ไปถึงจุดตัดขาดทุนที่ตั้งไว้ (50 Pips จากราคาเข้า) ให้ทำการยกเลิกคำสั่ง Take Profit ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
  2. เปิดสถานะป้องกันความเสี่ยง (Hedge Position): ทำการเปิดสถานะตรงข้ามกับสถานะเดิม (เช่น หากสถานะเดิมคือ Sell ให้เปิดสถานะ Buy) โดยใช้ขนาดล็อต (Lot Size) เท่าเดิมกับสถานะเดิม และตั้งราคาเปิดสถานะใหม่ที่ระยะ 50 Pips จากราคาเข้าเดิมในทิศทางตรงกันข้าม (เช่น หากสถานะเดิมคือ Sell และราคาชนจุดตัดขาดทุนที่ 50 Pips เหนือราคาเข้า ให้เปิดสถานะ Buy Stop ที่ราคาดังกล่าว)
  3. การบริหารจัดการสถานะ Hedge: เมื่อสถานะการซื้อขายได้รับการป้องกันความเสี่ยง (Hedged) แล้ว ให้รอจนกว่าสถานะใดสถานะหนึ่ง (สถานะเดิม หรือ สถานะ Hedge) จะเริ่มมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้อย่างชัดเจน
  4. การลดความเสี่ยง (Risk Reduction): เมื่อสถานะใดสถานะหนึ่งเริ่มมีกำไร ให้ทำการปิดสถานะที่กำลังขาดทุนอย่างน้อย 75% ของจำนวนล็อตทั้งหมด การดำเนินการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอ และปลดปล่อยมาร์จิ้นที่ถูกใช้ไปกับสถานะที่ขาดทุน
  5. การจัดการสถานะที่เหลือ (Remaining Position Management): หลังจากทำการลดสถานะที่ขาดทุนแล้ว สถานะที่เหลืออยู่ (25% ของล็อตเดิม) จะกลายเป็นสถานะ "เปลือยเปล่า" (Unhedged) ในขั้นตอนนี้ ผู้ซื้อขายสามารถเลือกที่จะ:
    • ปล่อยให้สถานะรันต่อไป (Let it Run): ปล่อยให้สถานะที่เหลืออยู่รันต่อไปตามแนวโน้มของตลาด โดยอาจมีการปรับเป้าหมายทำกำไรใหม่ให้เหมาะสม
    • ตั้งเป้าหมายทำกำไรใหม่ (Set New Take Profit): กำหนดเป้าหมายทำกำไรใหม่สำหรับสถานะที่เหลืออยู่ เพื่อล็อคผลกำไรเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปถึงเป้าหมายใหม่
    • ปรับเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์ระยะยาว (Swing Trade): เปลี่ยนสถานะที่เหลืออยู่เป็นการซื้อขายแบบสวิงเทรด (Swing Trade) หากพิจารณาแล้วว่าแนวโน้มของตลาดยังคงเอื้ออำนวยต่อการทำกำไรในระยะยาว

ข้อควรพิจารณาและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

  • ความสำคัญของเงินทุน: กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงนี้ต้องการเงินทุนสำรองที่เพียงพอ เพื่อรองรับการเปิดสถานะ Hedge และ "พื้นที่หายใจ" 50 Pips ที่กำหนดไว้ ผู้ซื้อขายควรพิจารณาขนาดบัญชีและอัตราส่วนมาร์จิ้นอย่างรอบคอบก่อนนำกลยุทธ์นี้ไปใช้
  • การเลือกขนาดล็อตที่เหมาะสม (Lot Size): การกำหนดขนาดล็อตที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกขนาดล็อตที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา 50 Pips หรือมากกว่านั้น หลังจากที่สถานะเดิมไม่ได้รับการป้องกันความเสี่ยงแล้ว
  • การทดสอบกลยุทธ์ (Backtesting): ก่อนที่จะนำกลยุทธ์นี้ไปใช้ในการซื้อขายด้วยเงินจริง ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทำการทดสอบกลยุทธ์กับข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting) เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความเสี่ยงของกลยุทธ์ในสภาวะตลาดต่างๆ

บทสรุป

กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงที่นำเสนอในวิดีโอ "HOW TO HEDGE TRADING FOREX (2025) | Forex Hedging Strategy" เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการซื้อขายฟอเร็กซ์ กลยุทธ์นี้อาศัยหลักการพื้นฐานของการซื้อขายในสภาวะตลาด Overbought และ Oversold โดยใช้ตัวบ่งชี้ RSI ร่วมกับเทคนิคการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อการซื้อขายไม่เป็นไปตามแผน

อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อขายควรตระหนักว่าไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันผลกำไรได้ 100% การทำความเข้าใจกลยุทธ์อย่างถ่องแท้ การทดสอบและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการซื้อขายฟอเร็กซ์ในระยะยาว

ที่มาของข้อมูล:

  • Forex Hedging. (2024, December 4). HOW TO HEDGE TRADING FOREX (2025) | Forex Hedging Strategy [Video]. YouTube.

   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: