หมวดหมู่ต่างๆ
กะทู้ล่าสุด
บทความดีๆ
Rank
บทวิเคราะห์ทองคำ
ถาม-ตอบ
กิจกรรม
แจก ea
แชร์ vps
ระบบเทรด
เตือนภัย
ดูหมวดหมู่ทั้งหมด
หมวดหมู่ต่างๆ
กะทู้ล่าสุด
บทความ
Rank
บทวิเคราะห์ทองคำ
ถาม-ตอบ
กิจกรรม
แจก ea
แชร์ vps
ระบบเทรด
เตือนภัย
ดูหมวดหมู่ทั้งหมด
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด
เราจะวางระยะ sl ใช้อะไรวัดบ้างครับ
ถาม-ตอบ พูดคุยเกี่ยวกับ Forex
3
กระทู้
2
ผู้ใช้
3
Reactions
43
เข้าชม
03/06/2025 11:53 am
ในการเทรด CFD การกำหนดจุด Stop Loss (SL) เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อจำกัดความเสี่ยงและปกป้องเงินทุนครับ มีหลายวิธีในการวัดระยะ SL โดยแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด, กรอบเวลา, และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ครับ
นี่คือปัจจัยและเครื่องมือหลัก ๆ ที่ใช้วัดระยะ SL ในการเทรด CFD:
-
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):
- แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance Levels):
- วิธี: วาง SL ใต้แนวรับที่แข็งแกร่ง (สำหรับ Buy Position) หรือเหนือแนวต้านที่แข็งแกร่ง (สำหรับ Sell Position) โดยพิจารณาจากจุดที่ราคาเคยกลับตัวหรือหยุดชะงักบ่อย ๆ
- ข้อดี: เป็นการใช้จุดที่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยาของตลาด ทำให้ SL มีเหตุผลรองรับ
- ข้อเสีย: แนวรับ-แนวต้านอาจถูกทะลุได้ และบางครั้งอาจไม่ชัดเจนนัก
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages - MA):
- วิธี: วาง SL ใต้เส้น MA ที่สำคัญ (เช่น MA 20, 50, 100, 200) สำหรับ Buy Position หรือเหนือเส้น MA สำหรับ Sell Position
- ข้อดี: เป็น SL ที่ปรับเปลี่ยนตามราคา (dynamic) และสามารถใช้ได้ในทุกกรอบเวลา
- ข้อเสีย: อาจเกิดการ Stop Out บ่อยครั้งหากราคาผันผวนรอบเส้น MA
- โครงสร้างของกราฟ (Chart Patterns / Price Action):
- วิธี: วาง SL ตามโครงสร้างของกราฟ เช่น ใต้จุดต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า (สำหรับ Buy) หรือเหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า (สำหรับ Sell) หรือตามรูปแบบ Head and Shoulders, Double Top/Bottom เป็นต้น
- ข้อดี: เป็นการใช้พฤติกรรมราคาจริง ๆ ในการกำหนด SL ที่แม่นยำ
- ข้อเสีย: ต้องมีความเข้าใจในรูปแบบกราฟเป็นอย่างดี
- เส้นเทรนด์ไลน์ (Trendlines):
- วิธี: วาง SL ใต้เส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้น (สำหรับ Buy) หรือเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ขาลง (สำหรับ Sell)
- ข้อดี: ใช้สำหรับเทรดตามเทรนด์ และช่วยให้ SL อยู่ในทิศทางเดียวกับเทรนด์
- ข้อเสีย: เส้นเทรนด์ไลน์อาจถูกทะลุได้ และการวาดเส้นเทรนด์ไลน์ต้องอาศัยประสบการณ์
- Fibonacci Retracement:
- วิธี: วาง SL ใต้ระดับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ (เช่น 0.382, 0.50, 0.618) ที่มักจะเป็นแนวรับ/ต้าน
- ข้อดี: เป็นการใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ และมักจะเป็นจุดกลับตัวของราคา
- ข้อเสีย: ต้องเข้าใจหลักการ Fibonacci และต้องใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่น ๆ
- ATR (Average True Range):
- วิธี: ATR เป็นตัวชี้วัดความผันผวนของราคา การใช้ ATR ในการกำหนด SL คือการนำค่า ATR มาคูณกับค่าคงที่ (เช่น 1.5 หรือ 2) แล้วนำไปวางห่างจากจุดเข้า
- สำหรับ Buy Position:
SL = Entry Price - (ATR * Multiple)
- สำหรับ Sell Position:
SL = Entry Price + (ATR * Multiple)
- สำหรับ Buy Position:
- ข้อดี: SL จะปรับเปลี่ยนตามความผันผวนของตลาด หากตลาดผันผวนมาก SL ก็จะกว้างขึ้น เพื่อลดโอกาสในการ Stop Out จากการสวิงของราคา
- ข้อเสีย: อาจทำให้ SL กว้างหรือแคบเกินไปในบางสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับค่า Multiple ที่เลือกใช้
- วิธี: ATR เป็นตัวชี้วัดความผันผวนของราคา การใช้ ATR ในการกำหนด SL คือการนำค่า ATR มาคูณกับค่าคงที่ (เช่น 1.5 หรือ 2) แล้วนำไปวางห่างจากจุดเข้า
- แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance Levels):
-
การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management):
- เปอร์เซ็นต์ของบัญชี (Percentage of Account):
- วิธี: กำหนดความเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนในบัญชีที่คุณยอมรับได้ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง (เช่น 1% หรือ 2% ของเงินทุนทั้งหมด)
- สูตร:
ขนาด SL (เป็นจุด) = (เงินทุนทั้งหมด * เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยง) / (มูลค่าต่อจุดต่อล็อต * จำนวนล็อต)
- ข้อดี: เป็นวิธีที่ควบคุมความเสี่ยงได้ดีที่สุด ทำให้คุณรู้ว่าหากเทรดเสียจะเสียเงินเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเงินทุนทั้งหมด
- ข้อเสีย: ไม่ได้พิจารณาจากโครงสร้างราคาโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดวาง SL ที่เหมาะสมที่สุด
- จำนวนเงินคงที่ (Fixed Monetary Amount):
- วิธี: กำหนดจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะเสียในการเทรดหนึ่งครั้ง (เช่น 100 USD ต่อการเทรด)
- ข้อดี: ง่ายต่อการคำนวณและเข้าใจ
- ข้อเสีย: ไม่ได้คำนึงถึงขนาดของบัญชีที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
- อัตราส่วน Risk-Reward (Risk-Reward Ratio - R:R):
- วิธี: กำหนดเป้าหมายกำไร (Take Profit) ให้มีความสัมพันธ์กับระยะ SL เช่น หาก SL 50 จุด ควรตั้ง TP อย่างน้อย 100 จุด เพื่อให้ได้ R:R 1:2
- ข้อดี: ช่วยให้การเทรดมีระบบและมีวินัยมากขึ้น แม้จะผิดพลาดบ่อยแต่หากได้กำไรเยอะเมื่อชนะ ก็ยังสามารถทำกำไรโดยรวมได้
- ข้อเสีย: บางครั้งการตั้ง TP ตาม R:R อาจไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมราคาจริง
- เปอร์เซ็นต์ของบัญชี (Percentage of Account):
สรุปการเลือกใช้วิธีวัด SL:
- มือใหม่: ควรเริ่มต้นจากการกำหนดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของบัญชี (เช่น 1-2%) เป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยใช้แนวรับ-แนวต้าน หรือโครงสร้างแท่งเทียนง่าย ๆ ในการวาง SL
- ประสบการณ์มากขึ้น: สามารถนำ ATR, Fibonacci หรือ R:R มาใช้ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น
- สิ่งสำคัญที่สุด: คือการทำ Backtest และ Forward Test เพื่อดูว่าวิธีที่คุณเลือกนั้นเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณหรือไม่ และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรในระยะยาวหรือไม่ครับ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- หลีกเลี่ยงการวาง SL ที่แคบเกินไป: เพราะอาจทำให้โดน Stop Out ได้ง่ายจากความผันผวนของตลาด
- หลีกเลี่ยงการวาง SL ที่กว้างเกินไป: เพราะอาจทำให้เสียเงินจำนวนมากหากการเทรดผิดทาง
- ปรับเปลี่ยน SL ตามสภาวะตลาด: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น SL ที่ใช้ได้ดีในสภาวะหนึ่ง อาจไม่เหมาะสมกับอีกสภาวะหนึ่ง
- อย่าเลื่อน SL ไปไกลขึ้น: เมื่อราคาเคลื่อนไหวผิดทาง การเลื่อน SL ออกไปเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ
- ใช้ควบคู่กัน: วิธีที่ดีที่สุดคือการนำหลายๆ วิธีมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ได้จุด SL ที่มีเหตุผลและเหมาะสมที่สุดครับ
thanongsuk12 and Gg360 reacted
ตอบอ้างอิง
หัวข้อเริ่มต้น 03/06/2025 11:56 am
ยาวมาก ขอบคุณครับ ผมขอทำความเข้าใจก่อน
ตอบอ้างอิง
ทิ้งคำตอบไว้
Forum Information
- 42 ฟอรัม
- 2,472 หัวข้อ
- 7,234 กระทู้
- 50 ออนไลน์
- 2,805 สมาชิก
สมาชิกใหม่ล่าสุดของเรา: T.
ไอคอนฟอรัม:
ฟอรัมไม่มีโพสต์ที่ยังไม่ได้อ่าน
ฟอรัมมีโพสต์ที่ยังไม่ได้อ่าน
ไอคอนหัวข้อ:
ไม่ตอบกลับ
ตอบแล้ว
ใช้งานอยู่
มาแรง
ปักหมุด
ไม่ได้รับการอนุมัติ
ได้คำตอบแล้ว
ส่วนตัว
ปิด