Liquidity คือความรู้ที่ขาดไม่ได้ครับ
ถ้าพูดถึงคำว่า "Liquidity" หรือ สภาพคล่อง เทรดเดอร์หลายคนอาจเคยได้ยินกันมาบ้าง แต่ไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของโบรกเกอร์หรือนักลงทุนรายใหญ่
แต่รู้ไหมว่า สภาพคล่องมีผลต่อการเทรดของเรามากกว่าที่คิด และถ้าเข้าใจเรื่องนี้ดีๆ คุณอาจได้เปรียบขึ้นในการเทรด เพราะมันช่วยให้คุณเลือกจังหวะเข้าออกที่ดีกว่า หลีกเลี่ยงการโดนลากราคา และยังช่วยป้องกันการขาดทุนจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เดี๋ยวมาลองดูกันว่า Liquidity คืออะไร และทำไมเทรดเดอร์ควรเข้าใจเรื่องนี้
1. Liquidity คืออะไร
Liquidity หรือ สภาพคล่อง คือความสามารถในการซื้อขายสินทรัพย์ (เช่น คู่เงิน Forex, ทองคำ หรือหุ้น) ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมากเกินไป
ถ้าสภาพคล่องสูง → ซื้อขายง่าย สเปรดแคบ ราคาขยับไม่แรง
ถ้าสภาพคล่องต่ำ → ซื้อขายยาก สเปรดกว้าง ราคาผันผวนสูง
ตัวอย่างที่เห็นภาพง่ายๆ
- ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก เพราะมีเงินหมุนเวียนวันละ 7 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ซื้อขายได้ตลอดเวลา
- หุ้นที่ไม่มีคนซื้อขายมาก เช่น หุ้นเล็กๆ หรือหุ้น IPO บางตัว อาจมีสภาพคล่องต่ำ ซื้อขายทีราคากระโดดเยอะ
คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์
- ควรเลือกคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เพื่อให้เข้าออกออเดอร์ได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงที่สภาพคล่องต่ำ เพราะอาจเจอการเคลื่อนที่ของราคาที่ไม่เป็นธรรมชาติ
2. ทำไม Liquidity สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex
1️⃣ Liquidity มีผลต่อสเปรด (Spread)
- ถ้าสภาพคล่องสูง สเปรดจะแคบ เช่น EUR/USD อาจมีสเปรดแค่ 0.1-0.5 pips
- ถ้าสภาพคล่องต่ำ สเปรดจะกว้าง เช่น USD/TRY หรือคู่เงินแปลกๆ อาจมีสเปรด 10-20 pips
2️⃣ ช่วงที่ Liquidity ต่ำ ราคามักเคลื่อนไหวแปลกๆ
เคยไหมที่อยู่ดี ๆ ราคาโดดขึ้นหรือลงแรง ๆ โดยไม่มีข่าวอะไรเลย นี่อาจเป็นเพราะตลาดมี Liquidity ต่ำ ทำให้ราคาวิ่งแรงผิดปกติ
3️⃣ Liquidity มีผลต่อการ Slippage
ถ้าคุณเข้าออเดอร์ช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ อาจเจอ Slippage หรือการที่คำสั่งถูกดำเนินการที่ราคาที่แย่กว่าที่ตั้งไว้
คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์
- หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงที่ตลาดมี Liquidity ต่ำ เช่น ช่วงเปลี่ยนวัน (ก่อนตลาดลอนดอนเปิด)
- เทรดช่วงที่มีสภาพคล่องสูง เช่น London Session หรือ New York Session
3. สภาพคล่องเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา
ช่วงตลาดที่มีสภาพคล่องสูง
- London Session (13.00-17.00 น. ตามเวลาไทย)
- New York Session (19.00-23.00 น. ตามเวลาไทย)
- ช่วง London & New York Overlap (19.00-23.00 น.) เป็นช่วงที่สภาพคล่องสูงที่สุด ราคาวิ่งดี และสเปรดแคบ
ช่วงตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ
- ช่วงเปลี่ยนวัน (04.00-07.00 น. ตามเวลาไทย) ราคามักนิ่งและสเปรดกว้าง
- ช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ของธนาคารใหญ่ ตลาดอาจเงียบมาก
คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์
- ถ้าเทรดเดย์เทรด (Day Trading) ควรเลือกเข้าออเดอร์ในช่วงที่ตลาดมี Liquidity สูง
- ถ้าเทรดสั้น (Scalping) ต้องระวังช่วงที่ Liquidity ต่ำ เพราะอาจโดนลากราคา
4. Liquidity Trap กับการโดนลาก SL แบบงง ๆ
Liquidity Trap คือจังหวะที่ราคาถูกดันไปชน SL ของเทรดเดอร์รายย่อย ก่อนจะกลับมาวิ่งในทิศทางเดิม
ทำไมถึงเกิดขึ้น
- สภาพคล่องต่ำ ทำให้ราคาวิ่งแรงกว่าปกติ
- Market Maker หรือสถาบันการเงินใหญ่ๆ อาจใช้โอกาสนี้ไล่กิน SL ของรายย่อย
วิธีป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการตั้ง SL ไว้ใกล้จุดแนวรับแนวต้านมากเกินไป
- อย่าเข้าเทรดในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ
5. Liquidity กับข่าวสำคัญ – เทรดยังไงให้ปลอดภัย
ช่วงที่มีข่าวแรง เช่น NFP, CPI, FOMC ตลาดอาจมีสภาพคล่องต่ำลงชั่วคราว ทำให้ราคาเหวี่ยงแรงและอาจโดน Slippage
เทรดยังไงให้ปลอดภัย
✅ หลีกเลี่ยงการเข้าออเดอร์ก่อนข่าวแรง
✅ ใช้ Stop Loss ให้ห่างขึ้น หรือใช้ Volatility Stop
✅ ตรวจสอบสภาพคล่องก่อนเทรด เช่น ดูที่ Volume หรือ Order Book
สรุป Liquidity คืออะไร และต้องระวังอะไรบ้าง
✅ Liquidity คือ สภาพคล่องของตลาด ยิ่งสูง ยิ่งเข้าออกออเดอร์ได้ง่าย
✅ สภาพคล่องต่ำอาจทำให้ สเปรดกว้าง, Slippage สูง และราคาผันผวนผิดปกติ
✅ ควรเทรดช่วงที่สภาพคล่องสูง เช่น London + New York Overlap
✅ ระวัง Liquidity Trap และอย่าตั้ง SL ใกล้แนวรับแนวต้านเกินไป
✅ หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงข่าวแรง หรือช่วงที่ตลาดเงียบ
Liquidity เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์หลายคนมองข้าม แต่ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ดี คุณจะเลือกเทรดในจังหวะที่มีโอกาสชนะมากขึ้น และลดโอกาสโดนลากราคาแบบงงๆ ได้
ทิ้งคำตอบไว้
- 45 ฟอรัม
- 3,249 หัวข้อ
- 9,916 กระทู้
- 42 ออนไลน์
- 4,235 สมาชิก



