5 สถานการณ์สุดจุกในการเทรด ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเจอเเละก้าวผ่านไป
คุณเคยรู้สึกไหมครับ
ว่าบางครั้งการเทรด
เหมือนกับการเล่นเกมที่ไม่มีใครบอกกฎ
และทุกครั้งที่คิดว่าเข้าใจแล้ว กฎก็เปลี่ยน(เฉย)
.
คำเตือน นี่คือบทความหมื่นอักษร บทความที่2
เพราะฉะนั้น ท่านต้องมีเวลาอ่านสัก 5 นาทีขึ้นไป
ผมรับประกันให้ว่า ได้ประโยชน์ทุกบรรทัดครับ
.
.
วันนี้ผมจะเล่าถึง 5 สถานการณ์
ที่ทุกเทรดเดอร์จะต้องเจอ
ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน
ไม่ว่าจะมีประสบการณ์มามากน้อยเพียงใด
และที่สำคัญ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะอยากเจอ
แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
.
เชื่อผมเถอะ เทรดเดอร์ทุกท่านที่ประสบความสำเร็จวันนี้
ล้วนผ่านด่านเหล่านี้มาทั้งนั้น และที่พวกเขาอยู่รอดได้
ไม่ใช่เพราะไม่เจ็บปวด แต่เพราะรู้วิธีเดินผ่านมันไป
.
บทความนี้ผมไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณกลัว
แต่เขียนเพื่อเตรียมคุณให้พร้อม
เพราะเมื่อคุณรู้ว่าฝนจะตก คุณก็จะเตรียมร่มไว้
.
.
พร้อมยังครับ พร้อมแล้ว ไป !
สถานการณ์ที่ 1
วันที่ระบบคุณใช้งานมาตลอดกลับกลายเป็นศัตรู
.
นี่คือสถานการณ์แรกที่จะทำให้
คุณตกใจจนนั่งมึนไปพักใหญ่
วันที่ระบบเทรดที่คุณมั่นใจ เชื่อมั่น
และใช้มาหลายเดือนหรือหลายปี
กลับหันมาทำร้ายคุณแบบไม่มีเมตตา
.
ผมยังจำได้เลยครับ วันที่ระบบที่ผมใช้ประจำ
ที่เคยพาผมได้กำไรมาต่อเนื่อง 3 เดือน
กลับทำให้ผมขาดทุนแบบรัวๆ เป็นสัปดาห์
ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกคนรักทิ้ง
รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหักหลังเรา
.
ในหัวจะมีเสียงบอกว่า
"มันต้องมีอะไรผิดพลาด"
"ระบบนี้ใช้ได้มาตลอดนี่"
"ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้"
และเสียงที่น่ากลัวที่สุดคือ
"หรือว่ามันใช้ไม่ได้ซะแล้วอ่ะ"
.
ทำไมเรื่องนี้เกิดขึ้น ?
ส่วนหนึ่งต้องบอกตรง ๆ
เพราะตลาดมันเปลี่ยน ตลาดไม่เคยอยู่นิ่ง
แก่นไม่เปลี่ยน แต่ดีเทลอาจจะเปลี่ยน
และดีเทลนั้น (ส.) โดนระบบเราพอดี
.
สิ่งที่ใช้ได้เมื่อเดือนที่แล้ว
ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้เดือนนี้
และนี่คือบทเรียนแรกที่ตลาดสอนเราว่า อ
ย่าไปหลงรักระบบใดระบบหนึ่งจนเกินไป
.
ในช่วงที่เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น
คุณจะเริ่มสงสัยทุกอย่าง
สงสัยตัวเอง สงสัยระบบ
สงสัยว่าการเทรดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ที่ผ่านกูฟลุ๊คหรอเนี่ย
และนี่คือจุดที่เทรดเดอร์หลายคนเลิกไป
เพราะความรู้สึกถูกหักหลัง
มันเจ็บมากกว่าการขาดทุนซะอีก
.
เจ็บจนตบตุ่มได้เลย
.
แต่คนที่ผ่านไปได้ คือคนที่เข้าใจว่า
นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ว่า
ความยืดหยุ่นสำคัญกว่าความยึดมั่นถือมั่น
การปรับตัวสำคัญกว่าการยึดติด
.
สถานการณ์นี้จะสอนให้คุณรู้ว่า
ระบบเทรดเปรียบเสมือนเครื่องมือ
และเครื่องมือทุกอย่างมีวันที่ต้องปรับปรุง
เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใหม่
และนั่นไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือเก่าไม่ดี
แต่หมายความว่าถึงเวลาพัฒนาแล้ว
สถานการณ์ที่ 2
วันที่คุณกำไรมากที่สุดในชีวิต แล้วเสียหมดในวันเดียว
.
ถ้าสถานการณ์แรกทำให้คุณตกใจ
สถานการณ์นี้จะทำให้คุณอยากร้องไห้จนน้ำตาแห้ง
อยากเอาหัวโขกกำแพง อยากตะโกนลั่นๆว่า ..(เติมเอง)
และที่น่ากลัวไปกว่านั้น
มันจะทำให้คุณเกลียดตัวเอง
มากกว่าที่เคยเกลียดใครในโลก
.
คุณเคยไหม วันที่พอร์ตคุณโตสวยงาม
กำไรสะสมจนคุณเริ่มฝันถึงสิ่งที่จะซื้อ เ
ริ่มคิดถึงการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
เริ่มบอกคนใกล้ตัวว่าเรากำลัง
จะประสบความสำเร็จแล้ว
แล้วพอตื่นขึ้นมาอีกวัน
กำไรที่สะสมมาเป็นเดือน
หายไปหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
.
นี่ไม่ใช่เรื่องเก่า นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
กับเทรดเดอร์เกือบทุกคน
และเหตุผลมันง่ายมาก
เมื่อเรากำไรมาก เราจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเทพ
เริ่มคิดว่าตลาดมันง่าย
เริ่มเพิ่มขนาดออเดอร์
เริ่มเสี่ยงมากขึ้น คิดว่า
"เมื่อกี้ได้ 10,000
ถ้าเพิ่มลอตก็น่าจะได้ 20,000"
.
นั่นคือการ Scale Up ด้วยอารมณ์
ไม่ใช่แผน และผมไม่เคยสนับสนุนในการทำ
แบบนี้แม้แต่นิด เพราะส่วนมาก
.
ผลลัพธ์ที่ตามมา เรามักจะโดน
ตลาดสอนบทเรียนให้เราแบบจัดหนัก
ทำให้เรารู้ว่า ความหยิ่งยโสเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ที่สุดของเทรดเดอร์ มันจะเข้ามาในช่วง
ที่เราประมาท
ในช่วงที่เราคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด
และมันจะทำลายทุกอย่างที่เราสร้างมาในพริบตา
.
วันนั้นคุณจะเรียนรู้ว่า
ความสำเร็จแต่ละครั้ง
ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งขึ้น
แต่อาจจะหมายความว่าเราโชคดี
และโชคมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป
.
ที่สำคัญกว่านั้น คุณจะเรียนรู้ว่า
ความถ่อมตนไม่ใช่ความอ่อนแอ
แต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง
.
มีเทรดเดอร์คนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า
เขาเคยทำกำไร 200,000 บาทในวันเดียว
แล้วเสียกลับไป 300,000 บาทในวันถัดมา
เพราะคิดว่าตัวเองเป็นเทพ เพิ่มลอต
เพิ่มความเสี่ยง ผลสุดท้ายไม่แค่เสียกำไรที่ได้มา
แต่ยังขุดหลุมให้ตัวเองลึกลงไปอีก..
กลบตัวเองให้มิด 55
สถานการณ์ที่ 3
ช่วงเวลาที่คุณแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเริ่มสงสัยตัวเอง
.
ถ้าสถานการณ์ที่สองทำให้คุณเสียใจ ส
ถานการณ์นี้จะทำลายจิตใจ
คุณแบบค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนสารพิษที่ค่อยๆ
แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
จนในที่สุดคุณจะรู้สึกว่าตัวเอง
ไม่มีค่าอะไรเลย
.
แพ้วันนึง โอเคไหว
แพ้สองวัน เริ่มกังวล
แพ้สามวัน เริ่มหงุดหงิด
แพ้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นสัปดาห์
เป็นเดือน
คุณจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์
รู้สึกว่าอาจจะไม่เหมาะกับการเทรด
รู้สึกว่าทุกคนเก่งกว่าเรา
.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดของเทรดเดอร์
เพราะเมื่อเราเริ่มสงสัยตัวเอง
เราจะเริ่มเปลี่ยนระบบบ่อยๆ
เปลี่ยนแผนบ่อยๆ
กลายเป็นคนที่ไม่มีหลักการอะไรเลย
วันนี้ใช้ระบบ A พรุ่งนี้ดูระบบ B ดูดี
เปลี่ยนไป ไม่ได้ผล เปลี่ยนไประบบ C
.
ผมเคยผ่านช่วงนี้มา
และผมบอกได้เลยว่า มันเจ็บปวดมาก
เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว
เรายังเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปด้วย
เรากลายเป็นคนที่ไม่เชื่อในการ
ตัดสินใจของตัวเอง
ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง
.
ช่วงนี้จะมีเสียงในหัวที่บอกเราตลอดว่า
"มึงมันไม่มีพรสวรรค์"
"คนอื่นเขาเก่งกว่ามึง"
"มึงควรเลิกเทรดไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
และที่น่ากลัวที่สุด
เสียงเหล่านั้นจะดังขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นความเชื่อ
.
แต่นี่คือช่วงที่จะแยกคน
อยู่รอดออกจากคนที่ล้มลง
คนที่อยู่รอดได้ คือคนที่รู้ว่า
ความล้มเหลวไม่ได้กำหนดตัวตนเรา
แต่เป็นแค่ประสบการณ์ที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
คือคนที่เข้าใจว่า ทุกความยากลำบากมีบทเรียน
และทุกบทเรียนจะทำให้เราดีขึ้น
.
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากช่วงนี้คือ
ความอดทนไม่ใช่การนิ่งเฉย
แต่เป็นการเลือกที่จะเดินต่อไปแม้จะเจ็บปวด
และที่สำคัญ การเรียนรู้จากความผิดพลาด
ไม่ได้หมายความว่าเราต้องชอบมัน
แต่หมายความว่าเราจะไม่ให้
มันเป็นอุปสรรคในการเดินหน้า
สถานการณ์ที่ 4
คืนที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงตลาด
.
สถานการณ์นี้มาเงียบๆ แต่อันตรายมาก
เพราะมันจะค่อยๆ กัดกินชีวิตคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
เหมือนอะไรสักอย่างที่แพร่กระจายช้าๆ จนเมื่อคุณรู้ตัว
ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
.
เราอาจจะรู้จักกันในคำว่า “ต้มกบ”
.
คุณเคยไหม ตื่นขึ้นมากลางดึก
แล้วหยิบโทรศัพท์มาดูกราฟ เคยไหม
นั่งกินข้าวแต่สมองคิดถึงออเดอร์ที่กำลังถืออยู่
เคยไหม อยู่กับครอบครัว
แต่ใจลอยไปคิดถึงตลาด
เคยไหม รู้สึกว่าทุกนาทีที่ไม่ได้ดูกราฟ
เป็นการเสียโอกาส
.
เมื่อไหร่ที่การเทรดเริ่มครอบงำชีวิตเรา
เมื่อนั้นเราจะเริ่มสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่าเงิน
นั่นคือ ความสุขในชีวิต
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
และสุขภาพจิตของตัวเรา
เราจะกลายเป็นคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อเทรด
แทนที่จะเทรดเพื่อชีวิต..ที่เราต้องการ
.
ผมเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่า
เขานอนไม่หลับเป็นเดือนเพราะกังวลกับพอร์ต
กลางคืนตื่นขึ้นมาดูกราฟ เช้าตื่นมาก็ดูกราฟ
ไปทำงานก็แอบดูกราฟ
จนแฟนเขาทนไม่ไหวต้องเลิกกัน
ตอนนั้นเขาถึงกับบอกผมว่า
ถ้ารู้ว่าการเทรดจะทำลายชีวิตเขาขนาดนี้
เขาจะใส่ใจจิตวิทยากว่านี้อีก 100 เท่า
.
แต่ปัญหาคือ เมื่อเราเข้าไปลึกแล้ว
เราจะรู้สึกว่าถอยไม่ได้
เพราะได้ลงทุนเวลา เงิน
และอารมณ์ไปมากเกินไป
เราจะคิดว่าถ้าหยุดตอนนี้
ทุกอย่างที่ผ่านมาจะกลายเป็นความสูญเปล่า
.
นี่คือเหตุผลที่ผมบอกตลอดว่า
การเทรดคือเส้นทางการพัฒนาตัวเอง
ไม่ใช่เส้นทางการหาเงิน
ถ้าเราเข้าใจผิดตั้งแต่แรก
เราจะเจ็บปวดไปตลอดทาง
และที่สำคัญ
เราจะทำลายสิ่งที่มีค่ากว่าเงินในชีวิตเรา
.
สถานการณ์นี้จะสอนให้เราเรียนรู้ว่า
ความสมดุลในชีวิตไม่ใช่ความอ่อนแอ
แต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง
การรู้จักหยุดพักไม่ใช่การขาดวินัย
แต่เป็นการมีสติ และที่สำคัญ
ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในพอร์ต
แต่วัดกันที่ความสุขและความสมหวังในชีวิต
สถานการณ์ที่ 5
วันที่คุณต้องเลือกระหว่าง ยอมแพ้ หรือ เริ่มใหม่
.
นี่คือสถานการณ์สุดท้าย
และเป็นสถานการณ์ที่สำคัญที่สุด เ
พราะมันจะกำหนดอนาคตของคุณ
จะเป็นจุดจบหรือจุดเริ่มต้น
จะเป็นจุดที่คุณยอมแพ้
หรือจุดที่คุณลุกขึ้นสู้ใหม่
.
หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ทั้ง 4 มา
ในที่สุดคุณจะมาถึงจุดหนึ่งที่ต้องตัดสินใจ
จะหยุดเดินหรือจะเดินต่อไป
จะยอมแพ้หรือจะลุกขึ้นสู้ใหม่
จะปล่อยให้ความล้มเหลวกำหนดตัวตน
หรือจะใช้มันเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ
.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่โหดร้ายที่สุด
เพราะคุณจะรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ
และที่สำคัญ คุณจะไม่แน่ใจว่าถ้าเดินต่อไป
จะพบกับความสำเร็จหรือความผิดหวังอีกครั้ง
จะมีแสงสว่างท้ายอุโมงค์
หรือจะเป็นแค่ความมืดมิดไปตลอดทาง
.
ในช่วงนี้จะมีคนมาบอกคุณว่า
"เลิกเถอะ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
"การเทรดมันไม่เหมาะกับคุณ"
"ดูคนอื่นเขาเลิกแล้วก็มีความสุข"
และบางครั้งเสียงเหล่านั้น
จะดังขึ้นจนคุณเริ่มเชื่อ
.
แต่นี่คือจุดที่จะแยกเทรดเดอร์มืออาชีพ
ออกจากคนทั่วไป
เทรดเดอร์มืออาชีพไม่ได้ไม่เคยล้ม
แต่พวกเขาเลือกที่จะลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม
เลือกที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
เลือกที่จะเริ่มใหม่ด้วยความรู้ที่มากขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งขึ้น
ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น
.
ผมจำได้ว่าตอนที่ผมต้องตัดสินใจครั้งนี้
ผมนั่งคิดนานมาก
คิดว่าจะเลิกเทรดไปทำงานประจำดีกว่าไหม
คิดว่าอาจจะไม่เหมาะกับเส้นทางนี้จริงๆ
คิดว่าพอแล้วกับความเจ็บปวดที่ต้องเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
.
แต่สุดท้าย สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินต่อ
ไม่ใช่ความหวังว่าจะรวย แต่เป็นความเข้าใจว่า
การเทรดได้สอนให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น
ทำให้ผมเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น
ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอน
และถ้าผมหยุดตรงนี้
ผมจะเสียโอกาสในการเป็นคนที่ดีขึ้นไป
.
การตัดสินใจในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
และไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดแน่นอน
บางคนเลือกหยุด และมีความสุขกับทางเลือกนั้น
บางคนเลือกเดินต่อ และพบกับความสำเร็จที่ไม่คาดคิด
สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน
ให้เลือกด้วยสติ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
ทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามา ไม่ใช่เรื่องที่ผมแต่งขึ้น
แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเทรดเดอร์ทุกคน
รวมถึงตัวผมเอง และที่สำคัญ
เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับคุณด้วย
ไม่ใช่อาจจะ แต่คือจะเกิดขึ้นแน่นอน
.
แต่การที่เรารู้ล่วงหน้า ทำให้เราเตรียมตัวได้
ทำให้เราไม่ตกใจเมื่อเจอ และที่สำคัญ
ทำให้เรารู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง
ไม่ใช่จุดจบ เป็นการทดสอบ ไม่ใช่การลงโทษ
เป็นโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่ความล้มเหลว
.
สิ่งที่แยกเทรดเดอร์มืออาชีพออกจากคนทั่วไป
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เจอสถานการณ์เหล่านี้
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาเดินผ่านมันไป
พวกเขาเข้าใจว่า ทุกความเจ็บปวดมีบทเรียน
ทุกความล้มเหลวมีคุณค่า และทุกครั้งที่ลุกขึ้น
พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
.
การเทรดไม่ใช่แค่การหาเงิน
แต่เป็นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง
เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอน
เป็นการฝึกฝนที่จะควบคุมจิตใจในทุกสถานการณ์
เป็นโรงเรียนที่สอนให้เราเข้าใจถึง
ความหมายที่แท้จริงของความอดทน
ความมุ่งมั่น และความเชื่อมั่นในตัวเอง
.
และถ้าคุณสามารถเดินผ่านทั้ง 5 สถานการณ์นี้ไปได้
คุณจะไม่ได้แค่เป็นเทรดเดอร์ที่ดี
แต่คุณจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมีวินัย
และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในชีวิต
คุณจะเป็นคนที่รู้จักตัวเองในระดับที่ลึกซึ้ง
รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง และที่สำคัญ
รู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากทั้งสองอย่าง
.
เพราะในที่สุดแล้ว การเทรดที่แท้จริง
ไม่ได้เกิดขึ้นในตลาด แต่เกิดขึ้นในใจเราต่างหาก
การต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นกับราคาที่เปลี่ยนแปลง
แต่เกิดขึ้นกับความกลัว ความโลภ ความหยิ่ง
และความท้อแท้ในใจเรา
.
ทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามาคือการทดสอบจิตใจ
เป็นการสอบวัดระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเรา
และที่สำคัญ เป็นโอกาสให้เราได้พิสูจน์กับตัวเองว่า
เราจะเลือกที่จะเป็นใคร เป็นคนที่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
หรือเป็นคนที่ใช้อุปสรรคเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ
.
ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า
"ท้องฟ้าจะสวยที่สุดหลังจากพายุผ่านไป"
และผมคิดว่าประโยคนี้เหมาะกับการเทรดมาก
เพราะความสำเร็จที่แท้จริงในการเทรด
ไม่ได้มาจากการไม่เคยล้มเหลว
แต่มาจากการลุกขึ้นหลังจากล้มเหลว
.
มันมาจากการที่เราเลือกที่จะมองความล้มเหลวเป็นครู ไ
ม่ใช่ศัตรู เลือกที่จะมองความเจ็บปวดเป็นการเรียนรู้
ไม่ใช่การลงโทษ เลือกที่จะมองอนาคตด้วยความหวัง
ไม่ใช่ด้วยความกลัว
.
และที่สำคัญที่สุด
เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเองแม้ในช่วงที่เราล้มเหลว
เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจตัวเองแม้ในช่วงที่ไม่มีใครเข้าใจ
เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเองแม้ในช่วงที่ทุกคนบอกว่าเราไม่ได้
.
ผมอยากให้คุณจำไว้ว่า
ทุกเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้
ล้วนเคยยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่คุณยืนอยู่ตอนนี้
พวกเขาเคยสงสัยตัวเอง เคยอยากเลิก
เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์
เคยผ่านทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามา
.
สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เจ็บปวด
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาจัดการกับความเจ็บปวด
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ล้มเหลว
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาลุกขึ้นหลังจากล้มเหลว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยท้อ
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
.
ตลาดเป็นครูที่โหดร้าย
แต่เป็นครูที่สอนบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต
มันสอนให้เรารู้ว่า ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดเสมอ
มันสอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ
มันสอนให้เรารู้ว่า การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
.
และที่สำคัญที่สุด มันสอนให้เรารู้ว่า
เราแข็งแกร่งกว่าที่คิด เรามีศักยภาพมากกว่าที่เราเชื่อ
และเราสามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้
ถ้าเรายอมที่จะเรียนรู้และเติบโต
.
บทความนี้ไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณหวาดกลัว
แต่เขียนเพื่อเตรียมคุณให้พร้อม
ไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณท้อแท้
แต่เขียนเพื่อให้คุณมีกำลังใจ
เพราะเมื่อคุณรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น
คุณจะไม่ตกใจเมื่อมันเกิดขึ้นจริง
.
และเมื่อคุณไม่ตกใจ
คุณจะสามารถคิดได้อย่างมีสติ
ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
และเดินผ่านมันไปได้อย่างสง่างาม
.
ผมอยากให้คุณจำไว้ว่า
การเป็นเทรดเดอร์ไม่ใช่การวิ่งมาราธอนอย่างเดียว
แต่เป็นการปีนเขา ทุกก้าวจะยากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทุกก้าวจะทำให้เราเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อเราไปถึงยอดเขา เราจะเข้าใจว่า
ทุกความยากลำบากที่ผ่านมา มันคุ้มค่าทุกอย่าง
.
.
คุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ไหนจากทั้ง 5 นี้
หรือเคยผ่านมาแล้วบ้าง
ผมอยากให้คุณมาแชร์ประสบการณ์กัน
เพื่อให้คนอื่นได้เรียนรู้จากเรื่องราวของคุณ
เพื่อให้คนที่กำลังเจอปัญหาเดียวกัน
ได้รู้ว่าเขาไม่ได้เดินคนเดียวเลย
ขอบคุณบทความดีๆจากเพจ : สุขภาพจิตเทรดเดอร์
สวัสดีเพื่อนๆชาวเวบบอร์ดทุกท่าน สำหรับใครที่อ่านจบช่างเป็น 5 นาที ที่คุ้มค่าสุดๆเลยว่าไหมคะ 😊
ทิ้งคำตอบไว้
- 44 ฟอรัม
- 2,922 หัวข้อ
- 8,348 กระทู้
- 37 ออนไลน์
- 3,876 สมาชิก