coverอันดับนักแข่งเทรดมือ
การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

5 สถานการณ์สุดจุกในการเทรด ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเจอเเละก้าวผ่านไป

10 กระทู้
1 ผู้ใช้
2 Reactions
107 เข้าชม
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

คุณเคยรู้สึกไหมครับ
ว่าบางครั้งการเทรด
เหมือนกับการเล่นเกมที่ไม่มีใครบอกกฎ
และทุกครั้งที่คิดว่าเข้าใจแล้ว กฎก็เปลี่ยน(เฉย)
.
คำเตือน นี่คือบทความหมื่นอักษร บทความที่2
เพราะฉะนั้น ท่านต้องมีเวลาอ่านสัก 5 นาทีขึ้นไป
ผมรับประกันให้ว่า ได้ประโยชน์ทุกบรรทัดครับ
.
.
วันนี้ผมจะเล่าถึง 5 สถานการณ์
ที่ทุกเทรดเดอร์จะต้องเจอ
ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน
ไม่ว่าจะมีประสบการณ์มามากน้อยเพียงใด
และที่สำคัญ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะอยากเจอ
แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
.
เชื่อผมเถอะ เทรดเดอร์ทุกท่านที่ประสบความสำเร็จวันนี้
ล้วนผ่านด่านเหล่านี้มาทั้งนั้น และที่พวกเขาอยู่รอดได้
ไม่ใช่เพราะไม่เจ็บปวด แต่เพราะรู้วิธีเดินผ่านมันไป
.
บทความนี้ผมไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณกลัว
แต่เขียนเพื่อเตรียมคุณให้พร้อม
เพราะเมื่อคุณรู้ว่าฝนจะตก คุณก็จะเตรียมร่มไว้
.
.
พร้อมยังครับ พร้อมแล้ว ไป !



   
James Albert reacted
อ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สถานการณ์ที่ 1
วันที่ระบบคุณใช้งานมาตลอดกลับกลายเป็นศัตรู
.
นี่คือสถานการณ์แรกที่จะทำให้
คุณตกใจจนนั่งมึนไปพักใหญ่
วันที่ระบบเทรดที่คุณมั่นใจ เชื่อมั่น
และใช้มาหลายเดือนหรือหลายปี
กลับหันมาทำร้ายคุณแบบไม่มีเมตตา
.
ผมยังจำได้เลยครับ วันที่ระบบที่ผมใช้ประจำ
ที่เคยพาผมได้กำไรมาต่อเนื่อง 3 เดือน
กลับทำให้ผมขาดทุนแบบรัวๆ เป็นสัปดาห์
ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกคนรักทิ้ง
รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหักหลังเรา
.
ในหัวจะมีเสียงบอกว่า
"มันต้องมีอะไรผิดพลาด"
"ระบบนี้ใช้ได้มาตลอดนี่"
"ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้"
และเสียงที่น่ากลัวที่สุดคือ
"หรือว่ามันใช้ไม่ได้ซะแล้วอ่ะ"
.
ทำไมเรื่องนี้เกิดขึ้น ?
ส่วนหนึ่งต้องบอกตรง ๆ
เพราะตลาดมันเปลี่ยน ตลาดไม่เคยอยู่นิ่ง
แก่นไม่เปลี่ยน แต่ดีเทลอาจจะเปลี่ยน
และดีเทลนั้น (ส.) โดนระบบเราพอดี
.
สิ่งที่ใช้ได้เมื่อเดือนที่แล้ว
ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้เดือนนี้
และนี่คือบทเรียนแรกที่ตลาดสอนเราว่า อ
ย่าไปหลงรักระบบใดระบบหนึ่งจนเกินไป
.
ในช่วงที่เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น
คุณจะเริ่มสงสัยทุกอย่าง
สงสัยตัวเอง สงสัยระบบ
สงสัยว่าการเทรดมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ที่ผ่านกูฟลุ๊คหรอเนี่ย
และนี่คือจุดที่เทรดเดอร์หลายคนเลิกไป
เพราะความรู้สึกถูกหักหลัง
มันเจ็บมากกว่าการขาดทุนซะอีก
.
เจ็บจนตบตุ่มได้เลย
.
แต่คนที่ผ่านไปได้ คือคนที่เข้าใจว่า
นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ว่า
ความยืดหยุ่นสำคัญกว่าความยึดมั่นถือมั่น
การปรับตัวสำคัญกว่าการยึดติด
.
สถานการณ์นี้จะสอนให้คุณรู้ว่า
ระบบเทรดเปรียบเสมือนเครื่องมือ
และเครื่องมือทุกอย่างมีวันที่ต้องปรับปรุง
เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใหม่
และนั่นไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือเก่าไม่ดี
แต่หมายความว่าถึงเวลาพัฒนาแล้ว



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สถานการณ์ที่ 2
วันที่คุณกำไรมากที่สุดในชีวิต แล้วเสียหมดในวันเดียว
.
ถ้าสถานการณ์แรกทำให้คุณตกใจ
สถานการณ์นี้จะทำให้คุณอยากร้องไห้จนน้ำตาแห้ง
อยากเอาหัวโขกกำแพง อยากตะโกนลั่นๆว่า ..(เติมเอง)
และที่น่ากลัวไปกว่านั้น
มันจะทำให้คุณเกลียดตัวเอง
มากกว่าที่เคยเกลียดใครในโลก
.
คุณเคยไหม วันที่พอร์ตคุณโตสวยงาม
กำไรสะสมจนคุณเริ่มฝันถึงสิ่งที่จะซื้อ เ
ริ่มคิดถึงการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
เริ่มบอกคนใกล้ตัวว่าเรากำลัง
จะประสบความสำเร็จแล้ว
แล้วพอตื่นขึ้นมาอีกวัน
กำไรที่สะสมมาเป็นเดือน
หายไปหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
.
นี่ไม่ใช่เรื่องเก่า นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
กับเทรดเดอร์เกือบทุกคน
และเหตุผลมันง่ายมาก
เมื่อเรากำไรมาก เราจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเทพ
เริ่มคิดว่าตลาดมันง่าย
เริ่มเพิ่มขนาดออเดอร์
เริ่มเสี่ยงมากขึ้น คิดว่า
"เมื่อกี้ได้ 10,000
ถ้าเพิ่มลอตก็น่าจะได้ 20,000"
.
นั่นคือการ Scale Up ด้วยอารมณ์
ไม่ใช่แผน และผมไม่เคยสนับสนุนในการทำ
แบบนี้แม้แต่นิด เพราะส่วนมาก
.
ผลลัพธ์ที่ตามมา เรามักจะโดน
ตลาดสอนบทเรียนให้เราแบบจัดหนัก
ทำให้เรารู้ว่า ความหยิ่งยโสเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ที่สุดของเทรดเดอร์ มันจะเข้ามาในช่วง
ที่เราประมาท
ในช่วงที่เราคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด
และมันจะทำลายทุกอย่างที่เราสร้างมาในพริบตา
.
วันนั้นคุณจะเรียนรู้ว่า
ความสำเร็จแต่ละครั้ง
ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งขึ้น
แต่อาจจะหมายความว่าเราโชคดี
และโชคมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป
.
ที่สำคัญกว่านั้น คุณจะเรียนรู้ว่า
ความถ่อมตนไม่ใช่ความอ่อนแอ
แต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง
.
มีเทรดเดอร์คนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า
เขาเคยทำกำไร 200,000 บาทในวันเดียว
แล้วเสียกลับไป 300,000 บาทในวันถัดมา
เพราะคิดว่าตัวเองเป็นเทพ เพิ่มลอต
เพิ่มความเสี่ยง ผลสุดท้ายไม่แค่เสียกำไรที่ได้มา
แต่ยังขุดหลุมให้ตัวเองลึกลงไปอีก..
กลบตัวเองให้มิด 55



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สถานการณ์ที่ 3
ช่วงเวลาที่คุณแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเริ่มสงสัยตัวเอง
.
ถ้าสถานการณ์ที่สองทำให้คุณเสียใจ ส
ถานการณ์นี้จะทำลายจิตใจ
คุณแบบค่อยเป็นค่อยไป
เหมือนสารพิษที่ค่อยๆ
แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
จนในที่สุดคุณจะรู้สึกว่าตัวเอง
ไม่มีค่าอะไรเลย
.
แพ้วันนึง โอเคไหว
แพ้สองวัน เริ่มกังวล
แพ้สามวัน เริ่มหงุดหงิด
แพ้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นสัปดาห์
เป็นเดือน
คุณจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์
รู้สึกว่าอาจจะไม่เหมาะกับการเทรด
รู้สึกว่าทุกคนเก่งกว่าเรา
.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดของเทรดเดอร์
เพราะเมื่อเราเริ่มสงสัยตัวเอง
เราจะเริ่มเปลี่ยนระบบบ่อยๆ
เปลี่ยนแผนบ่อยๆ
กลายเป็นคนที่ไม่มีหลักการอะไรเลย
วันนี้ใช้ระบบ A พรุ่งนี้ดูระบบ B ดูดี
เปลี่ยนไป ไม่ได้ผล เปลี่ยนไประบบ C
.
ผมเคยผ่านช่วงนี้มา
และผมบอกได้เลยว่า มันเจ็บปวดมาก
เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว
เรายังเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปด้วย
เรากลายเป็นคนที่ไม่เชื่อในการ
ตัดสินใจของตัวเอง
ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง
.
ช่วงนี้จะมีเสียงในหัวที่บอกเราตลอดว่า
"มึงมันไม่มีพรสวรรค์"
"คนอื่นเขาเก่งกว่ามึง"
"มึงควรเลิกเทรดไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
และที่น่ากลัวที่สุด
เสียงเหล่านั้นจะดังขึ้นเรื่อยๆ
จนกลายเป็นความเชื่อ
.
แต่นี่คือช่วงที่จะแยกคน
อยู่รอดออกจากคนที่ล้มลง
คนที่อยู่รอดได้ คือคนที่รู้ว่า
ความล้มเหลวไม่ได้กำหนดตัวตนเรา
แต่เป็นแค่ประสบการณ์ที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
คือคนที่เข้าใจว่า ทุกความยากลำบากมีบทเรียน
และทุกบทเรียนจะทำให้เราดีขึ้น
.
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากช่วงนี้คือ
ความอดทนไม่ใช่การนิ่งเฉย
แต่เป็นการเลือกที่จะเดินต่อไปแม้จะเจ็บปวด
และที่สำคัญ การเรียนรู้จากความผิดพลาด
ไม่ได้หมายความว่าเราต้องชอบมัน
แต่หมายความว่าเราจะไม่ให้
มันเป็นอุปสรรคในการเดินหน้า



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สถานการณ์ที่ 4
คืนที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงตลาด
.
สถานการณ์นี้มาเงียบๆ แต่อันตรายมาก
เพราะมันจะค่อยๆ กัดกินชีวิตคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
เหมือนอะไรสักอย่างที่แพร่กระจายช้าๆ จนเมื่อคุณรู้ตัว
ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
.
เราอาจจะรู้จักกันในคำว่า “ต้มกบ”
.
คุณเคยไหม ตื่นขึ้นมากลางดึก
แล้วหยิบโทรศัพท์มาดูกราฟ เคยไหม
นั่งกินข้าวแต่สมองคิดถึงออเดอร์ที่กำลังถืออยู่
เคยไหม อยู่กับครอบครัว
แต่ใจลอยไปคิดถึงตลาด
เคยไหม รู้สึกว่าทุกนาทีที่ไม่ได้ดูกราฟ
เป็นการเสียโอกาส
.
เมื่อไหร่ที่การเทรดเริ่มครอบงำชีวิตเรา
เมื่อนั้นเราจะเริ่มสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่าเงิน
นั่นคือ ความสุขในชีวิต
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
และสุขภาพจิตของตัวเรา
เราจะกลายเป็นคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อเทรด
แทนที่จะเทรดเพื่อชีวิต..ที่เราต้องการ
.
ผมเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่า
เขานอนไม่หลับเป็นเดือนเพราะกังวลกับพอร์ต
กลางคืนตื่นขึ้นมาดูกราฟ เช้าตื่นมาก็ดูกราฟ
ไปทำงานก็แอบดูกราฟ
จนแฟนเขาทนไม่ไหวต้องเลิกกัน
ตอนนั้นเขาถึงกับบอกผมว่า
ถ้ารู้ว่าการเทรดจะทำลายชีวิตเขาขนาดนี้
เขาจะใส่ใจจิตวิทยากว่านี้อีก 100 เท่า
.
แต่ปัญหาคือ เมื่อเราเข้าไปลึกแล้ว
เราจะรู้สึกว่าถอยไม่ได้
เพราะได้ลงทุนเวลา เงิน
และอารมณ์ไปมากเกินไป
เราจะคิดว่าถ้าหยุดตอนนี้
ทุกอย่างที่ผ่านมาจะกลายเป็นความสูญเปล่า
.
นี่คือเหตุผลที่ผมบอกตลอดว่า
การเทรดคือเส้นทางการพัฒนาตัวเอง
ไม่ใช่เส้นทางการหาเงิน
ถ้าเราเข้าใจผิดตั้งแต่แรก
เราจะเจ็บปวดไปตลอดทาง
และที่สำคัญ
เราจะทำลายสิ่งที่มีค่ากว่าเงินในชีวิตเรา
.
สถานการณ์นี้จะสอนให้เราเรียนรู้ว่า
ความสมดุลในชีวิตไม่ใช่ความอ่อนแอ
แต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง
การรู้จักหยุดพักไม่ใช่การขาดวินัย
แต่เป็นการมีสติ และที่สำคัญ
ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในพอร์ต
แต่วัดกันที่ความสุขและความสมหวังในชีวิต



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สถานการณ์ที่ 5
วันที่คุณต้องเลือกระหว่าง ยอมแพ้ หรือ เริ่มใหม่
.
นี่คือสถานการณ์สุดท้าย
และเป็นสถานการณ์ที่สำคัญที่สุด เ
พราะมันจะกำหนดอนาคตของคุณ
จะเป็นจุดจบหรือจุดเริ่มต้น
จะเป็นจุดที่คุณยอมแพ้
หรือจุดที่คุณลุกขึ้นสู้ใหม่
.
หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ทั้ง 4 มา
ในที่สุดคุณจะมาถึงจุดหนึ่งที่ต้องตัดสินใจ
จะหยุดเดินหรือจะเดินต่อไป
จะยอมแพ้หรือจะลุกขึ้นสู้ใหม่
จะปล่อยให้ความล้มเหลวกำหนดตัวตน
หรือจะใช้มันเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ
.
ช่วงนี้เป็นช่วงที่โหดร้ายที่สุด
เพราะคุณจะรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ
และที่สำคัญ คุณจะไม่แน่ใจว่าถ้าเดินต่อไป
จะพบกับความสำเร็จหรือความผิดหวังอีกครั้ง
จะมีแสงสว่างท้ายอุโมงค์
หรือจะเป็นแค่ความมืดมิดไปตลอดทาง
.
ในช่วงนี้จะมีคนมาบอกคุณว่า
"เลิกเถอะ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
"การเทรดมันไม่เหมาะกับคุณ"
"ดูคนอื่นเขาเลิกแล้วก็มีความสุข"
และบางครั้งเสียงเหล่านั้น
จะดังขึ้นจนคุณเริ่มเชื่อ
.
แต่นี่คือจุดที่จะแยกเทรดเดอร์มืออาชีพ
ออกจากคนทั่วไป
เทรดเดอร์มืออาชีพไม่ได้ไม่เคยล้ม
แต่พวกเขาเลือกที่จะลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม
เลือกที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด
เลือกที่จะเริ่มใหม่ด้วยความรู้ที่มากขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่ลึกซึ้งขึ้น
ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น
.
ผมจำได้ว่าตอนที่ผมต้องตัดสินใจครั้งนี้
ผมนั่งคิดนานมาก
คิดว่าจะเลิกเทรดไปทำงานประจำดีกว่าไหม
คิดว่าอาจจะไม่เหมาะกับเส้นทางนี้จริงๆ
คิดว่าพอแล้วกับความเจ็บปวดที่ต้องเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
.
แต่สุดท้าย สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินต่อ
ไม่ใช่ความหวังว่าจะรวย แต่เป็นความเข้าใจว่า
การเทรดได้สอนให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น
ทำให้ผมเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น
ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอน
และถ้าผมหยุดตรงนี้
ผมจะเสียโอกาสในการเป็นคนที่ดีขึ้นไป
.
การตัดสินใจในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
และไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดแน่นอน
บางคนเลือกหยุด และมีความสุขกับทางเลือกนั้น
บางคนเลือกเดินต่อ และพบกับความสำเร็จที่ไม่คาดคิด
สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน
ให้เลือกด้วยสติ ไม่ใช่ด้วยอารมณ์



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

ทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามา ไม่ใช่เรื่องที่ผมแต่งขึ้น
แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเทรดเดอร์ทุกคน
รวมถึงตัวผมเอง และที่สำคัญ
เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับคุณด้วย
ไม่ใช่อาจจะ แต่คือจะเกิดขึ้นแน่นอน
.
แต่การที่เรารู้ล่วงหน้า ทำให้เราเตรียมตัวได้
ทำให้เราไม่ตกใจเมื่อเจอ และที่สำคัญ
ทำให้เรารู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง
ไม่ใช่จุดจบ เป็นการทดสอบ ไม่ใช่การลงโทษ
เป็นโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่ความล้มเหลว
.
สิ่งที่แยกเทรดเดอร์มืออาชีพออกจากคนทั่วไป
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เจอสถานการณ์เหล่านี้
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาเดินผ่านมันไป
พวกเขาเข้าใจว่า ทุกความเจ็บปวดมีบทเรียน
ทุกความล้มเหลวมีคุณค่า และทุกครั้งที่ลุกขึ้น
พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
.



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

การเทรดไม่ใช่แค่การหาเงิน
แต่เป็นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง
เป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอน
เป็นการฝึกฝนที่จะควบคุมจิตใจในทุกสถานการณ์
เป็นโรงเรียนที่สอนให้เราเข้าใจถึง
ความหมายที่แท้จริงของความอดทน
ความมุ่งมั่น และความเชื่อมั่นในตัวเอง
.
และถ้าคุณสามารถเดินผ่านทั้ง 5 สถานการณ์นี้ไปได้
คุณจะไม่ได้แค่เป็นเทรดเดอร์ที่ดี
แต่คุณจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมีวินัย
และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในชีวิต
คุณจะเป็นคนที่รู้จักตัวเองในระดับที่ลึกซึ้ง
รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง และที่สำคัญ
รู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากทั้งสองอย่าง
.
เพราะในที่สุดแล้ว การเทรดที่แท้จริง
ไม่ได้เกิดขึ้นในตลาด แต่เกิดขึ้นในใจเราต่างหาก
การต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นกับราคาที่เปลี่ยนแปลง
แต่เกิดขึ้นกับความกลัว ความโลภ ความหยิ่ง
และความท้อแท้ในใจเรา
.
ทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามาคือการทดสอบจิตใจ
เป็นการสอบวัดระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเรา
และที่สำคัญ เป็นโอกาสให้เราได้พิสูจน์กับตัวเองว่า
เราจะเลือกที่จะเป็นใคร เป็นคนที่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
หรือเป็นคนที่ใช้อุปสรรคเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ
.



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า
"ท้องฟ้าจะสวยที่สุดหลังจากพายุผ่านไป"
และผมคิดว่าประโยคนี้เหมาะกับการเทรดมาก
เพราะความสำเร็จที่แท้จริงในการเทรด
ไม่ได้มาจากการไม่เคยล้มเหลว
แต่มาจากการลุกขึ้นหลังจากล้มเหลว
.
มันมาจากการที่เราเลือกที่จะมองความล้มเหลวเป็นครู ไ
ม่ใช่ศัตรู เลือกที่จะมองความเจ็บปวดเป็นการเรียนรู้
ไม่ใช่การลงโทษ เลือกที่จะมองอนาคตด้วยความหวัง
ไม่ใช่ด้วยความกลัว
.
และที่สำคัญที่สุด
เราเรียนรู้ที่จะรักตัวเองแม้ในช่วงที่เราล้มเหลว
เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจตัวเองแม้ในช่วงที่ไม่มีใครเข้าใจ
เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเองแม้ในช่วงที่ทุกคนบอกว่าเราไม่ได้
.
ผมอยากให้คุณจำไว้ว่า
ทุกเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้
ล้วนเคยยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่คุณยืนอยู่ตอนนี้
พวกเขาเคยสงสัยตัวเอง เคยอยากเลิก
เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์
เคยผ่านทุกสถานการณ์ที่ผมเล่ามา
.
สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เจ็บปวด
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาจัดการกับความเจ็บปวด
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ล้มเหลว
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาลุกขึ้นหลังจากล้มเหลว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยท้อ
แต่เป็นวิธีที่พวกเขาสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
.
ตลาดเป็นครูที่โหดร้าย
แต่เป็นครูที่สอนบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต
มันสอนให้เรารู้ว่า ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดเสมอ
มันสอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ
มันสอนให้เรารู้ว่า การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
.
และที่สำคัญที่สุด มันสอนให้เรารู้ว่า
เราแข็งแกร่งกว่าที่คิด เรามีศักยภาพมากกว่าที่เราเชื่อ
และเราสามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้
ถ้าเรายอมที่จะเรียนรู้และเติบโต
.
บทความนี้ไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณหวาดกลัว
แต่เขียนเพื่อเตรียมคุณให้พร้อม
ไม่ได้เขียนเพื่อทำให้คุณท้อแท้
แต่เขียนเพื่อให้คุณมีกำลังใจ
เพราะเมื่อคุณรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น
คุณจะไม่ตกใจเมื่อมันเกิดขึ้นจริง
.
และเมื่อคุณไม่ตกใจ
คุณจะสามารถคิดได้อย่างมีสติ
ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
และเดินผ่านมันไปได้อย่างสง่างาม
.
ผมอยากให้คุณจำไว้ว่า
การเป็นเทรดเดอร์ไม่ใช่การวิ่งมาราธอนอย่างเดียว
แต่เป็นการปีนเขา ทุกก้าวจะยากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทุกก้าวจะทำให้เราเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อเราไปถึงยอดเขา เราจะเข้าใจว่า
ทุกความยากลำบากที่ผ่านมา มันคุ้มค่าทุกอย่าง
.
.
คุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ไหนจากทั้ง 5 นี้
หรือเคยผ่านมาแล้วบ้าง
ผมอยากให้คุณมาแชร์ประสบการณ์กัน
เพื่อให้คนอื่นได้เรียนรู้จากเรื่องราวของคุณ
เพื่อให้คนที่กำลังเจอปัญหาเดียวกัน
ได้รู้ว่าเขาไม่ได้เดินคนเดียวเลย

ขอบคุณบทความดีๆจากเพจ : สุขภาพจิตเทรดเดอร์



   
ตอบอ้างอิง
TibitoBlink
(@tibitoblink)
สมาชิก
โพสครบ 20 กะทู้
โพสกะทู้ครบ 300
ผู้มีส่วนร่วมสูงสุด
โพสกะทู้ครบ 1000
Rank E
เข้าร่วม: 1 ปี ที่ผ่านมา
กระทู้: 906
หัวข้อเริ่มต้น  

สวัสดีเพื่อนๆชาวเวบบอร์ดทุกท่าน สำหรับใครที่อ่านจบช่างเป็น 5 นาที ที่คุ้มค่าสุดๆเลยว่าไหมคะ 😊 



   
James Albert reacted
ตอบอ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: