เทคนิค Trailing Stop แบบมืออาชีพ
อย่าเพิ่งปิดกำไร ถ้ายังมีโอกาสให้ลากยาว ในวงการเทรด Forex มีคำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยจากเทรดเดอร์รุ่นเก๋า คนส่วนใหญ่ตัดกำไรเร็ว แต่ปล่อยขาดทุนยาว มันย้อนแย้งเนอะ แต่ก็เป็นเรื่องจริง และหนึ่งในเครื่องมือที่ ช่วยให้คุณกลับด้านนิสัยแบบนั้น ก็คือ Trailing Stop
Trailing Stop คืออะไร?
Trailing Stop คือ Stop Loss แบบ เคลื่อนที่ตามกำไร
-
ถ้าราคาไปทางที่คุณได้กำไร SL จะขยับตาม
-
แต่ถ้าราคาย้อนกลับมา SL จะล็อกกำไรและปิดออเดอร์อัตโนมัติ
เปรียบเหมือน “เชือกนิรภัย” ที่ปล่อยให้คุณปีนขึ้นไปสูงได้ แต่ถ้าพลาดตกลงมา...เชือกจะจับคุณไว้ไม่ให้ร่วงจนหมดตัว
ทำไมมืออาชีพใช้ Trailing Stop?
-
เพราะตลาดไม่แน่นอน — ราคาที่พุ่งแรงวันนี้ อาจกลับตัวพรุ่งนี้
-
เพราะมันทำให้คุณ อยู่ในเกม ให้นานขึ้น
-
เพราะมันสร้างกำไรแบบ ปล่อยให้วิ่ง โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ
3 เทคนิคการใช้ Trailing Stop แบบมืออาชีพ
1. Trailing Stop ด้วย ATR (Advanced True Range)
ใช้ค่า ATR (เช่น 1.5 เท่า) เป็นระยะขยับ SL
ตัวอย่าง
-
ถ้าคุณเทรด EUR/USD
-
ATR ใน Timeframe H1 = 20 pips
-
คุณอาจตั้ง Trailing Stop ที่ 30 pips เมื่อราคาวิ่งกำไรเกิน 30 pips SL จะขยับตามทุกครั้งที่กราฟขยับเพิ่ม
ข้อดี: ปรับตาม “ความแรง” ของตลาดอัตโนมัติ
เหมาะกับตลาดผันผวน เพราะกันโดนสะบัดหลุด
2. Trailing Stop ตาม “จุด Swing” หรือ “Structure”
เมื่อราคาเกิด Higher Low / Lower High ใหม่ ให้ขยับ SL ไปไว้ใต้/เหนือจุดนั้น เหมาะกับสายเทรดตามเทรนด์ (Trend Following)
-
ใช้กับกราฟ Day / H4 ได้ดี
-
ดูช้า แต่นิ่ง และไม่โดนตัดกำไรไวเกินไป
เหมือนคุณเดินตามเทรนด์ไปเรื่อยๆ แล้วขยับ “โล่ป้องกัน” ของตัวเองตามจังหวะ
3. Trailing Stop แบบ Step Move (ขั้นบันได)
แบ่ง TP เป็นช่วง เช่น
-
TP1 ปิดกำไรบางส่วน
-
TP2 ลาก Trailing Stop ขึ้น 1 ระดับ
-
TP3 ปล่อยให้ราคาไปต่อ โดยลาก SL ตามแนวเส้น EMA / TL
เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่อยาก เสียของ ได้ทั้งกำไรบางส่วน + ลุ้นกำไรใหญ่
แล้วควรใช้เมื่อไร?
-
ช่วงที่กราฟ “มีเทรนด์ชัด”
-
ช่วงที่คุณตั้งใจ “ลากกำไรยาว”
-
เมื่อคุณรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะปิดที่จุดไหน แต่ไม่อยากให้กำไรหายไปหมด
แต่ อย่าใช้ตอนตลาด Sideway หรือแกว่งแรงระยะสั้น เพราะจะโดน “สะบัดออก” เร็วกว่าที่คิด
ทิ้งคำตอบไว้
- 45 ฟอรัม
- 3,249 หัวข้อ
- 9,920 กระทู้
- 50 ออนไลน์
- 4,235 สมาชิก



