ในโลกของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) เทรดเดอร์จำนวนมากต่างแสวงหากลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จและผลกำไรที่ยั่งยืน เอกสาร "ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับแนวโน้มและรูปแบบของตลาด" ได้ให้แนวทางที่ชัดเจนสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตอบคำถามสองข้อหลัก: "แนวโน้มตลาดปัจจุบันคืออะไร" และที่สำคัญกว่านั้นคือ "แนวโน้มนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด" บทความนี้จะสรุปแก่นความรู้สำคัญสองส่วน ได้แก่ การวิเคราะห์แนวโน้ม และการเทรดด้วยรูปแบบแผนภูมิ เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จของคุณ

ส่วนที่ 1: การทำความเข้าใจแนวโน้มตลาดอย่างลึกซึ้ง

ความจริงเกี่ยวกับแนวโน้มในปัจจุบัน

กลยุทธ์ "ซื้อและถือ" (buy and hold) ที่เคยได้รับความนิยมเมื่อทศวรรษก่อนนั้นไม่สามารถใช้ได้ผลอีกต่อไป ตลาดในปัจจุบันไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจนเหมือนในอดีต อย่างไรก็ตาม แนวโน้มยังคงมีอยู่เสมอและสามารถทำกำไรได้ แต่ความท้าทายคือการแยกแยะแนวโน้มที่แท้จริงออกจากการเคลื่อนไหวของราคาที่หลอกล่อ ซึ่งเป็นจุดที่เทรดเดอร์จำนวนมากล้มเหลว

เคล็ดลับเพิ่มผลกำไร: เทรดตามแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

หัวใจของระบบการเทรดตามแนวโน้มคือ "ซื้อเมื่อย่อตัวในแนวโน้มขาขึ้น และขายเมื่อดีดตัวในแนวโน้มขาลง" ตัวอย่างคลาสสิกคือระบบ "Donchian 5 & 20" ซึ่งใช้การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (SMA) 5 วันและ 20 วัน ความลับของความสำเร็จของระบบนี้ไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อน แต่อยู่ที่การนำไปใช้เฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งเท่านั้น Donchian จะเพิกเฉยต่อสัญญาณซื้อขายหากตลาดไม่ได้อยู่ในแนวโน้มที่ชัดเจน บทเรียนสำคัญคือ

การรู้ว่าเมื่อใดควรเทรดและเมื่อใดควรอยู่เฉยๆ สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการขาดทุนและการทำกำไรได้

การระบุและวัดความน่าเชื่อถือของแนวโน้ม

การเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและรวดเร็วซึ่งมักเกิดจากข่าวสาร ไม่ใช่แนวโน้มที่แท้จริง แนวโน้มที่แท้จริงคือการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ วิธีการระบุแนวโน้มที่ง่ายและมีประสิทธิภาพคือการใช้สายตา โดยซูมแผนภูมิออกให้เห็นประมาณ 200 แท่งเทียน แล้วลากเส้นตรงจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง หากราคาเคลื่อนที่ทับซ้อนกับเส้นนั้นหลายครั้ง แสดงว่าเป็นแนวโน้มที่น่าเชื่อถือ

เพื่อวัดความน่าเชื่อถือ เราใช้

"Trend Drawdown" ซึ่งคือการย่อตัวของราคาที่สวนทางกับแนวโน้มหลัก คำนวณได้โดยการหารการย่อตัวที่ลึกที่สุด (pips) ด้วยการเคลื่อนที่ทั้งหมดของแนวโน้ม (pips)

• Drawdown ยิ่งต่ำ แนวโน้มยิ่งน่าเชื่อถือ

   

• เทรดเดอร์ควรเลือกเทรดในแนวโน้มที่มี Drawdown

  ต่ำกว่า 20% และหากต่ำกว่า 15% จะยิ่งดี

   

• แนวโน้มที่มี Drawdown

  ต่ำกว่า 10% ถือเป็นโอกาสทองที่หาได้ยากและมีอัตราการชนะสูงมาก

   

การตั้ง Stop Loss อย่างชาญฉลาด

การตั้ง Stop Loss ไม่ควรเป็นค่า pips คงที่ แต่ควรสะท้อนความผันผวนของตลาดในขณะนั้น กฎง่ายๆ คือ

Stop Loss ควรมีค่ามากกว่า Trend Drawdown เพื่อให้ตลาดมีพื้นที่หายใจ อาจตั้งไว้ที่

Trend Drawdown + 1 pip หรือเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น อาจตั้งไว้ที่

1.5 หรือ 2 เท่าของ Trend Drawdown

ส่วนที่ 2: การเทรดด้วยรูปแบบแผนภูมิ (Chart Patterns)

การลากเส้นแนวโน้ม (Trend Lines) ที่แข็งแกร่ง

การเทรดด้วยรูปแบบแผนภูมิเริ่มต้นจากการลากเส้นแนวโน้มที่ถูกต้อง

• เส้นแนวโน้มด้านบน (Upper Trend Line): เชื่อมต่อจุดสูงสุดที่ต่ำลง (lower highs) อย่างน้อย 2 จุด และต้องลาดลง

   
   
   

• เส้นแนวโน้มด้านล่าง (Lower Trend Line): เชื่อมต่อจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (higher lows) อย่างน้อย 2 จุด และต้องชันขึ้น

   
   

• คุณสมบัติของเส้นที่แข็งแกร่ง: มีจุดสัมผัสหลายจุด , จุดสัมผัสไม่ใกล้กันเกินไป , และมีความยาวเพียงพอ (อย่างน้อย 50 แท่งเทียน)

   
   
   

ทำความรู้จักกับรูปแบบราคา

เมื่อนำเส้นแนวโน้มมาประกอบกัน จะเกิดเป็นรูปแบบราคาที่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ รูปแบบที่พบบ่อยได้แก่:

• Triangle (สามเหลี่ยม): เกิดจากเส้นแนวโน้มบนและล่างบีบเข้าหากัน

   

• Flag (ธง): เกิดจากเส้นแนวโน้มสองเส้นที่ขนานกัน มักเป็นการพักตัวเพื่อไปต่อในทิศทางเดิม

   
   

• Wedge (ลิ่ม): คล้ายสามเหลี่ยม แต่เส้นทั้งสองอาจลาดลงหรือชันขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน

   

บทความนี้แนะนำให้มุ่งเน้นที่

Continuation Patterns หรือการเทรดตามแนวโน้มเดิม ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าการเทรดสวนแนวโน้ม

กลยุทธ์การเทรดด้วยรูปแบบราคา

เมื่อระบุรูปแบบได้แล้ว ให้วางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ:

1. การเข้าเทรด (Entry): ใช้คำสั่ง Stop Order โดยวาง

    

   Buy Stop เหนือเส้นแนวโน้มด้านบน (สำหรับแนวโน้มขาขึ้น) หรือวาง

    

   Sell Stop ต่ำกว่าเส้นแนวโน้มด้านล่าง (สำหรับแนวโน้มขาลง)

    

2. การตัดขาดทุน (Stop Loss): วาง Stop Loss ไว้ที่อีกฝั่งหนึ่งของรูปแบบราคา

    

3. การทำกำไร (Take Profit): ใช้วิธี Projection Method โดยวัดความกว้างที่สุดของรูปแบบเป็น pips และใช้ค่านั้นเป็นเป้าหมายในการทำกำไร

    
    

บทสรุป

กุญแจสู่ความสำเร็จในตลาด Forex คือวินัย ความอดทน และการเตรียมตัวก่อนเทรด แทนที่จะไล่ตามทุกการเคลื่อนไหวของตลาด ให้เลือกเทรดเฉพาะในแนวโน้มที่น่าเชื่อถือ (มี Trend Drawdown ต่ำ) และมีรูปแบบราคาที่ชัดเจน การเทรดน้อยลงแต่มีคุณภาพสูงขึ้น จะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ