ในตลาด Forex มีสองวิธีการเทรดที่คนมักจะเลือกใช้กันคือ Scalping และ Day Trading ทั้งสองแบบเน้นการเทรดระยะสั้น แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายจุด มาดูกันว่าทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร และเหมาะกับใคร

1. Scalping และ Day Trading คืออะไร?

- Scalping: เป็นการเทรดที่เน้นความรวดเร็วในการเข้า-ออกตลาดในช่วงสั้นๆ บางครั้งอาจจะเทรดแค่ไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที เป้าหมายคือการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย แต่ทำบ่อย ๆ หลายครั้งต่อวัน เรียกได้ว่าเน้นทำกำไรสะสมจากการเทรดบ่อย ๆ

- Day Trading: การเทรดแบบนี้คือการเปิดและปิดคำสั่งซื้อ-ขายในวันเดียวกัน โดยจะไม่ถือข้ามคืน เวลาถือสถานะอาจจะนานกว่า Scalping เช่น อาจจะเทรดเป็นชั่วโมง เป้าหมายคือเก็บกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ใหญ่ขึ้น

2. เวลาในการถือสถานะ

- Scalping: ถือสถานะแค่ไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที ไม่รอนาน ถ้ากำไรพอใจแล้วก็ปิดทันที

- Day Trading: ถือสถานะนานกว่า Scalping อาจจะหลายสิบนาทีถึงหลายชั่วโมง แต่ก็ต้องปิดคำสั่งภายในวันนั้น ไม่ถือข้ามวัน

3. จำนวนครั้งในการเทรดต่อวัน

- Scalping: คุณจะเทรดบ่อยมาก อาจจะเทรดเป็นสิบ ๆ ครั้งหรือหลายร้อยครั้งต่อวัน เน้นเข้า-ออกตลาดบ่อยเพื่อทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ

- Day Trading: เทรดน้อยกว่า Scalping อาจจะเทรดไม่กี่ครั้งต่อวัน แต่ทุกครั้งที่เทรดหวังการเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้น

4. ขนาดกำไรและความเสี่ยง

- Scalping: กำไรแต่ละครั้งจะเล็กมาก เพราะเน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย แต่ถ้าเทรดบ่อยๆ กำไรสะสมอาจจะมากขึ้น

  - ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจะค่อนข้างต่ำ เพราะถือสถานะไม่นาน ถ้าเห็นว่าราคาผิดทางก็ออกจากตลาดได้เร็ว

- Day Trading: กำไรแต่ละครั้งจะมากกว่า Scalping เพราะถือสถานะนานขึ้น รอให้ราคาวิ่งมากกว่า

  - ความเสี่ยง: ความเสี่ยงก็จะมากขึ้นเช่นกัน เพราะการถือสถานะนานขึ้น ราคามีโอกาสผันผวนมากขึ้น

5. ตลาดที่เหมาะกับการเทรด

- Scalping: ต้องการตลาดที่เคลื่อนไหวเร็วและมีสภาพคล่องดี เพื่อให้ได้กำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เกิดขึ้นเร็ว นักเทรด Scalping มักจะเลือกคู่เงินที่มีการซื้อขายสูง เช่น EUR/USD หรือ GBP/USD

- Day Trading: ตลาดที่เหมาะกับการเทรดแบบ Day Trading อาจจะไม่ต้องการความผันผวนมากเท่า Scalping แต่ก็ยังต้องการการเคลื่อนไหวของราคาที่มากพอให้ทำกำไร

6. ข้อดีและข้อเสีย

- Scalping

  - ข้อดี: ทำกำไรได้เร็ว ไม่ต้องรอ และเสี่ยงน้อยในการถือสถานะนาน

  - ข้อเสีย: ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา ทำงานหนักและเครียดมาก เพราะต้องเทรดบ่อยๆ

- Day Trading

  - ข้อดี: ทำกำไรได้มากขึ้นต่อครั้ง และไม่ต้องเทรดบ่อยมากเท่า Scalping

  - ข้อเสีย: อาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะถือสถานะนานกว่า ราคาผันผวนมากกว่า

7. ทักษะที่จำเป็น

- Scalping: ต้องเร็ว ตัดสินใจไว และต้องเก่งในการใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพราะต้องเทรดในระยะเวลาสั้นมาก

- Day Trading: ต้องเก่งในการวิเคราะห์กราฟระยะกลาง และรู้จักการจัดการความเสี่ยงอย่างดี เพราะจะต้องถือสถานะนานขึ้นและรอจังหวะการเทรดที่ดี

 สรุปสั้นๆ

- Scalping เหมาะกับคนที่ชอบอะไรเร็วๆ ชอบเทรดบ่อยๆ ไม่ชอบรอนานๆ และพร้อมที่จะเฝ้าหน้าจอทั้งวัน

- Day Trading เหมาะกับคนที่ต้องการเวลามากขึ้นในการวิเคราะห์ตลาด และไม่อยากเทรดบ่อยๆ แต่ต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่า

การเลือกว่าจะเทรดแบบไหน ขึ้นอยู่กับสไตล์และเวลาที่คุณมีในการเทรด ถ้าชอบเร็ว ตัดสินใจไว ก็อาจจะเหมาะกับ Scalping แต่ถ้าต้องการเวลาคิดมากขึ้น Day Trading อาจจะเหมาะกว่า