การปรับเพิ่มหรือลด ภาษีนำเข้า ของสหรัฐฯ สามารถส่งผลต่อราคาทองคำได้ในหลายแง่มุม ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน 

🟡 1. ผลทางอ้อมผ่านค่าเงินดอลลาร์ (USD)

• ภาษีนำเข้าสูงขึ้น → ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น → อาจทำให้ราคาสินค้าภายในประเทศสูงขึ้น → ก่อให้เกิด เงินเฟ้อ

• นักลงทุนอาจคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อตอบโต้เงินเฟ้อ → ส่งผลให้ USD แข็งค่า

  • เมื่อ USD แข็งค่า → ราคาทองคำ (ที่ซื้อขายด้วย USD) มัก ลดลง เพราะทองดูแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น

🟡 2. ผลต่อภาวะสงครามการค้า และความไม่แน่นอน

• การขึ้นภาษีนำเข้าโดยเฉพาะกับจีนหรือประเทศคู่ค้ารายใหญ่ → อาจนำไปสู่ ความตึงเครียดทางการค้า (Trade War)

• เมื่อตลาดกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หรือการตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี → นักลงทุนมัก หลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง (Risk-off) → หันมาถือ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) มากขึ้น → ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

🟡 3. ผลกระทบต่ออุปสงค์อุปทานระดับโลก

• ถ้ามาตรการภาษีทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจริง → ความต้องการเครื่องประดับหรือทองเพื่ออุตสาหกรรมอาจลดลง → กดดันราคาทองคำในระยะยาว

• แต่ถ้าแรงซื้อจากนักลงทุน (Investment Demand) ยังสูงเพราะกังวลเศรษฐกิจ → ราคาทองคำอาจยังยืนได้