หลังจากจบ ม.6 ผมได้ยื่นพอร์ตสมัครเข้าเรียนที่คณะเศรษฐศาสตร์ แม้ว่าผมจะมีความชอบและสนใจด้านการลงทุน แต่ในตอนนั้นผมคิดว่าคณะเศรษฐศาสตร์ก็คงเกี่ยวข้องกับการลงทุนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม จึงไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมมากนัก

หลังจากเข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ ชีวิตผมก็ผ่านไปวันๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี โดยที่ผมยังวนเวียนกับการเทรด จนวันหนึ่งผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า คณะที่เรียนอยู่ให้ความรู้ด้านการลงทุนอะไรกับผมบ้าง ผมรู้สึกเสียดายเวลาทุกวัน ราวกับว่ากำลังก้าวผิดทาง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

ในช่วงเวลานั้น ผมใช้ชีวิตไปกับการกินเหล้า เที่ยวเล่น จนเกรดก็แย่ลง ผมได้รู้จักกับ “ปอน” เพื่อนร่วมคณะที่มีความสนใจในการเทรดเช่นเดียวกับผม ปอนแนะนำให้ผมรู้จักกับช่อง YouTube ที่ชื่อว่า “Mudley Channel” ซึ่งวิดีโอในช่องนี้เปลี่ยนมุมมองของผมต่อการเทรดไปตลอดกาล

นอกจากนี้ ปอนยังแนะนำให้ผมรู้จักกับพี่ “อ๊อป” ผู้มีแนวทางการเทรดที่คล้ายกับที่ Mudley Channel สอน ผมเริ่มศึกษาเกี่ยวกับระบบเทรดแบบ Grid ครั้งแรก และเริ่มเห็นความเป็นไปได้ในการทำกำไรอย่างยั่งยืนจากระบบนี้

อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบ Grid ก็มีข้อจำกัดตรงที่เราได้รับกระแสเงินสดเฉพาะในช่วงที่ราคากำลังเคลื่อนไหว ส่วนเงินในโซนที่เผื่อไว้หากราคาไปไม่ถึงจะไม่สร้างผลตอบแทนอะไร ตอนแรกผมเทรดด้วยมือและเริ่มจดบันทึกการเทรดเป็นครั้งแรก เงินทุนก้อนแรกนั้นเป็นของผมเอง พร้อมกับแฟนที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เมื่อผมบอกเธอว่าจะนำเงินไปลงทุนในโลกของ crypto เธอก็เอาด้วย

ในช่วงนั้น ผมได้คุยกับพ่อเกี่ยวกับการลงทุนของผมและได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมเข้ามา ผมจึงได้ศึกษาและทดลองลงทุนในตลาด crypto แทบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น DeFi, Liquidity Pool, Futures, Grid, Rebalance, arbitage, Buy and Hold และ Staking ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ราคา crypto พุ่งแรงมาก ผมได้ลองใช้ grid bot ใน ETH จนได้รับ passive income เป็นครั้งแรก ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งความสนใจในเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยเริ่มจางหาย ผมตัดสินใจลาออกอย่างดื้อดึง เพราะคิดว่าอนาคตของผมอยู่ที่ธุรกิจและการลงทุน ซึ่งก็ได้นำมาซึ่งการทะเลาะกับครอบครัวอย่างหนัก

หลังจากที่ราคา BTC ทำ all time high (ประมาณ 69,000 USD) ราคาก็เริ่มปรับตัวลงอย่างรุนแรง แม้ผมยังมีกำไรจาก grid bot อยู่เพราะราคาไม่หลุดจากโซนที่กำหนด แต่ตลาด crypto กลับเถื่อนกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้ ผมตั้งโซนรองรับการร่วงลงไว้ที่ -50% จากจุดสูงสุด แต่สุดท้ายราคากลับลดลงถึง -80% ผลที่ตามมาคือผมขาดทุนอย่างหนัก ทั้งในส่วนของ DeFi และ Grid Bot เมื่อราคาลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดของโซนก็เสมือนติดดอย ไม่สร้างกระแสเงินสด ส่งผลให้รายได้หายไปจนผมต้องหางานอื่นทำ

ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ผมมืดแปดด้าน ทั้งเงินทุนของตัวเอง แฟน และที่พ่อให้มาติดดอย ผมยังได้ติดต่อกับพี่อ๊อปเพื่อปรึกษาสถานการณ์ต่างๆ พี่อ๊อปให้คำแนะนำมากมายและบอกให้รอจนกว่าราคาจะกลับตัวขึ้น ในขณะที่ผมทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้งทำน้ำพริก ขายดิกีตาร์ เปิดหมวก ร้องเพลง และลองทำเพลงลง YouTube แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ผมกดดันตัวเองมากเพราะเห็นเพื่อนๆ เริ่มจะจบมหาวิทยาลัยแต่ผมเองยังทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง จนในที่สุดผมต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต ทั้งแพนิคและซึมเศร้า ซึ่งใช้เวลาฟื้นตัวเกือบครึ่งปี

หลังจากที่ผมหายดี ผมได้ปรับเปลี่ยนแนวคิด เลิกกดดันตัวเองและเริ่มโฟกัสที่การทำสิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบันโดยไม่คาดหวังผลสำเร็จทันที พี่อ๊อปเริ่มพูดถึงเรื่อง options และแนวคิดของมัน ซึ่งฟังดูดีแต่ใช้งานยาก ผมจึงทดลองและค้นหาจนพบกลยุทธ์ “Wheel Strategy” ที่ช่วยอุดช่องโหว่ของการเทรดแบบ Grid ได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้ช่วงเวลาที่รอซื้อและรอขายสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

ในตอนหน้า ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าผมเริ่มใช้ Wheel Strategy ในการทำกำไรอย่างไร ฝากติดตามกันนะครับ!