4. การสัมผัสกับPassion จะรู้สึกหมกมุ่นและถูกครอบงำโดยกิจกรรม ความคิด หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ความรู้สึกยึดติดอย่างรุนแรงนี้ถูกกระตุ้นจากสารเคมีในสมองที่ชื่อ โดพามีน ที่ส่งผลให้เราเพ่งความสนใจกับสิ่งที่กำลังทำ จะรู้สึกกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวา

5. การค้นหาPassionที่ดีกว่าคือ ลดมาตรฐานความสมบูรณ์แบบลงจนเป็นความน่าสนใจ จากนั้นเปิดใจให้กว้าง แล้วปฏิบัติให้ได้ตามนั้น

6. Passion ที่ยิ่งใหญ่เกือบทุกอย่าง เริ่มจากการทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ แต่ระวังอย่าไปยึดติดกับ passion ที่ใช่จนต้องหยุดกิจกรรมอื่นๆ ต้องให้อิสระตัวเองในการสำรวจความสนใจเพื่อให้ตัดสินใจแม่นยำขึ้น จะเป็น passion ที่ดีในอนาคต

7. การให้ความสนใจกับสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานทั้ง 3 นั่นคือความสามารถอิสระและความผูกพันการตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้สำคัญมากสำหรับการรักษาแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนสิ่งที่สนใจให้เป็น Passion

8. วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาPassion คือทำแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละนิด จะทำให้ไปได้ไกลกว่าการทุ่มสุดตัว

9. สิ่งที่แยกระหว่าง "passion ที่ดี"กับ "passion ที่ไม่ดี" นั่นก็คือ เหตุผลที่คุณลงมือทำ มันไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณบอกกับตัวเอง แต่เป็นสิ่งที่คุณรู้สึกและเชื่อจริงๆ passion ควรมาจากภายใน นั่นคือ "passion แบบสอดคล้อง" ซึ่งเป็น passion ที่ดีที่สุด เชื่อมโยงกับร่างกายและจิตใจ ที่ดีขึ้นในระยะยาวและความพึงพอใจในชีวิต

10. Passion แบบสอดคล้องจะจดจ่อกับสิ่งที่ทำเพราะชอบแล้วจะได้รับความสำเร็จเป็นผลพลอยได้ คนที่สนใจและให้ความสำคัญกับ การทำสิ่งที่ชอบกลับเป็นคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า คนที่ตั้งหวังความสำเร็จนำมาก่อน

11. Passion ที่ไม่ดีมี2ชนิด ซึ่งส่งผลเป็นอันตรายต่อร่างกาย จิตใจ และความสุขของเราในระยะยาว
- Passionแบบหมกมุ่น หมายถึงการที่เราเสพติดผลลัพธ์ภายนอก ชื่อเสียงและการยอมรับจากผู้อื่น
- Passion จากความกลัวหมายถึงการที่เราทำทุกวิถีทางเพื่อหนีความล้มเหลวและไม่อยากให้คนอื่นหรือตัวเองผิดหวัง

12. Passion แบบหมกมุ่น ที่มุ่งเน้น ความสำเร็จ ผลลัพธ์ และรางวัลภายนอกเป็นแรงผลักดันมากกว่าความพึงพอใจ มักผูกคุณค่าของตัวเองกับสิ่งที่เหนือการควบคุมสุดท้ายก็จะลงเอยด้วยภาวะเครียดอย่างรุนแรง ส่งผลให้วิตกกังวลซึมเศร้าภาวะหมดไฟ และพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม

13. คนที่มี passion แบบสอดคล้อง จะมีแนวคิดแบบมุ่งหาความเป็นเลิศ ที่ใช้แรงจูงใจจากภายใน ดังนั้นจงพยายามทำสิ่งที่ชอบต่อไปเพื่อรักษาแรงจูงใจ
ภายใน

14. จงปฏิบัติตามกฎ 24 ชั่วโมง หลังล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ ให้เวลาตัวเองได้เศร้าหรือดีใจ 24 ชั่วโมงแล้วกลับไปทำสิ่งที่ชอบต่อ เป็นการเตือนให้เราเห็นคุณค่าของแรงจูงใจภายในมากกว่าแรงจูงใจภายนอก

15.ทำให้การมองหาความเป็นเลิศเป็นค่านิยมหลัก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอ่อนไหวไปกับความล้มเหลว ความสำเร็จหรือการยอมรับจากผู้อื่นให้หยุดพักชั่วคราวแล้วใคร่ครวญว่าชอบอะไรที่สุดในสิ่งที่ทำอยู่ เตือนตัวเองเสมอว่าแรงขับเคลื่อนจากภายในให้ผลดีและยั่งยืนกว่าแรงขับเคลื่อนที่มาจากภายนอก

16. แนวคิดแบบมุ่งหาความเป็นเลิศคือ การเปลี่ยนความสนใจจากเป้าหมาย เป็น" การลงมือทำ" ที่ทำให้มีโอกาสพัฒนาได้มากที่สุด คนที่คิดเช่นนี้จะไม่ตัดสินตัวเองจากคำถามที่ว่า"ฉันบรรลุเป้าหมายหรือยัง?" แต่เป็นคำถามที่ว่า"ฉันทำมันได้ดีเพียงใด?"

17. เราจำเป็นต้องตั้งเป้าหมาย เพื่อเป็นเข็มทิศนำทาง แต่ไม่ใช่เส้นชัยควรสนใจวิธีที่คุณ ควบคุมเองและวิธีที่จะนำคุณไปสู่เป้าหมายได้

18. เป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มีความสนใจการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมากกว่าผลลัพธ์ ซึ่งการทำเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิด passion แบบสอดคล้อง

19. ความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ เพราะ ความล้มเหลวหลายๆครั้งแต่ละครั้งก็ให้บทเรียนสำคัญต่างกัน

20. ความอดทนเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวคิดแบบมุ่งหาความเป็นเลิศและ passion แบบสอดคล้องข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลวคือ การอดทนทำบางสิ่งให้ลุล่วง แม้จะเจอความยากลำบาก และเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ : Readism