ราคาทองคำร่วงลง 0.63% มาอยู่ที่ $3,955 หลังจากการดีดตัวจากระดับต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ต่ำกว่า $3,900 แรงกดดันหลักมาจากความหวังเรื่องการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่เริ่มคลี่คลายลง หลังการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทำให้ความสนใจของนักลงทุนหันไปหา สินทรัพย์เสี่ยง อย่างหุ้น (Risk Appetite)

ปัจจัยหนุนที่รออยู่ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการ ลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมวันพุธ และอาจลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วย พยุง ราคาทองคำได้ในระยะยาว เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน

ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง (ประเด็นความขัดแย้งกับฮามาส) เป็นอีกปัจจัยที่อาจ จำกัดการขาดทุน ของทองคำได้ หากความขัดแย้งปะทุขึ้นอีกครั้ง อาจทำให้ทองคำกลับไปที่ระดับ $4,000 ได้

ภาพรวมทางเทคนิค แม้จะร่วงลงต่ำกว่า $4,000 แต่ แนวโน้มขาขึ้นในวงกว้างยังอยู่ แต่ตัวชี้วัด RSI ชี้ว่า แรงขาย (Sellers) เริ่มมีโมเมนตัมมากขึ้น และราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบ $3,900 - $4,000

แนวโน้มการวิเคราะห์

ราคาทองคำกำลังเผชิญกับแรงขายระยะสั้นจากปัจจัยด้านจิตวิทยาและความเชื่อมั่นในตลาดโลกที่ดีขึ้น แต่ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การ ลดอัตราดอกเบี้ย ของ Fed ที่กำลังจะมาถึง และ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่พร้อมจะปะทุขึ้นอีกครั้ง จะเป็นปัจจัยหลักที่ จำกัดการลง และหนุนให้ทองคำสามารถดีดตัวกลับได้ในระยะถัดไป

แนวรับและแนวต้าน

แนวรับ

• 3,900
• 3,886
• 3,800
• 3,779 
• 3,700

แนวต้าน

• 4,000
• 4,100
• 4,161
• 4,200
• 4,300

คำเตือนนักลงทุน

ช่วงนี้ตลาดมีความผันผวนจากข่าวใหญ่สองด้านที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน คือ ความหวังเรื่องการค้า ที่กดดันราคาทองคำให้ลง และ การลดดอกเบี้ยของ Fed กับ ความเสี่ยงในตะวันออกกลาง ที่คอยหนุนราคาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามผลการประชุม Fed อย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางหลักในระยะสั้น และต้อง ระมัดระวังเป็นพิเศษ หากราคาปิดรายวันต่ำกว่า 4,000 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งสัญญาณว่าแรงขายยังคงมีพลังอยู่ ควรบริหารความเสี่ยงให้ดีและอย่าเทรดด้วยอารมณ์ครับ