ราคาทองคำยังคงเกาะกลุ่มอยู่ใกล้จุดสูงสุดเดิม เพราะตลาดเริ่มมองว่า Fed  จะดำเนินนโยบายแบบ Dovish มากขึ้น หรือก็คือมีแนวโน้มที่จะ ลดดอกเบี้ย หรือผ่อนคลายนโยบายการเงิน นักลงทุนเชื่อมั่นในเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น หลังจากมีรายงานว่า Kevin Hassett ผู้ที่เคยสนับสนุนการลดดอกเบี้ย เป็นตัวเก็งที่จะขึ้นเป็นประธาน Fed คนต่อไป ซึ่งนี่คือสัญญาณที่ชัดเจน

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ล่าช้าออกมาเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนลง และ ราคาสินค้าผู้ผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้

โดยทั่วไปแล้ว การลดดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อทองคำ (ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่จ่ายดอกเบี้ย) เพราะทำให้ผลตอบแทนจากพันธบัตรหรือเงินฝากดอลลาร์ดูน่าสนใจน้อยลง

ธนาคารดอยช์แบงก์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2026 ขึ้นเป็น $4,450 (จากเดิม $4,000) โดยอ้างอิงจากความต้องการซื้อของ ธนาคารกลาง ทั่วโลกที่แข็งแกร่งขึ้น และมีเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทองคำอาจเจอแรงต้านจากการที่ความต้องการในฐานะ "สินทรัพย์ปลอดภัย" ลดลง เพราะมีข่าวดีที่บ่งชี้ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มีสัญญาณความคืบหน้า (ทำให้คนกล้าเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น)

แนวต้านและแนวรับทองคำ

แนวรับ

• 4,150 

• 4,100

• 4,070

• 4,050 

• 4,020

แนวต้าน 

• 4,173 

• 4,200

• 4,250 

• 4,300

• 4,450 

คำเตือนสำหรับนักลงทุน

โปรดทราบว่าแม้จะมีสัญญาณทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed และการซื้อของธนาคารกลางที่แข็งแกร่ง แต่ตลาดก็มีความผันผวนอยู่เสมอ นักลงทุนควรระมัดระวังต่อปัจจัยที่อาจเป็นแรงต้าน เช่น ข่าวความคืบหน้าของการเจรจาสันติภาพระหว่างประเทศ ซึ่งอาจลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การคาดการณ์ราคาในอนาคตเป็นเพียงการประเมินที่อาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ คุณควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่คุณจะรับการขาดทุนได้