ราคาทองคำ พุ่งขึ้นมากกว่า 2% จนสามารถชดเชยส่วนที่เสียไปเมื่อวันศุกร์ได้เลย สาเหตุหลักมาจากตลาดคาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในสัปดาห์หน้า ซึ่งตอนนี้ตลาดให้โอกาสสูงถึง 96% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย และคาดว่าจะลดรวมกัน 50 bps ภายในสิ้นปีนี้

การที่ทองคำราคาขึ้นแรงขนาดนี้ เป็นผลมาจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลงตามไปด้วย เพราะนักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย 

ปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบราคาทองคำ ได้แก่

• การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งที่มาเลเซีย โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกดดันเรื่องการหยุดยาเสพติด และการซื้อถั่วเหลืองจากจีน

• รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงปิดทำการ เข้าสู่วันที่ 20 โดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดทำการเร็ว ๆ นี้ ทำให้ตลาดจับตาดูความคิดเห็นของทรัมป์เป็นพิเศษ

• ตลาดกำลังรอจับตาดูตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน ซึ่งจะออกมาในสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้เฟดตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า

• สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่ปะทุขึ้นมาใหม่ในฉนวนกาซา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

แนวรับแนวต้าน

แนวต้านสำคัญ 

• 4,350 

• 4,379 

• 4,400

• 4,500

• 4,600 

แนวรับสำคัญ 

• 4,200 

• 4,185

• 4,059 

• 4,000 

• 3,900

คำเตือนนักลงทุน 

แม้ว่าแนวโน้มทางเทคนิคของทองคำจะดูสดใสและมีปัจจัยหนุนหลายอย่าง แต่คุณก็ไม่ควรลงทุนตามกระแสข่าวเพียงอย่างเดียว การคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาใหม่ ๆ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ รวมถึงสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศก็มีความผันผวนสูงมาก ราคาทองคำอาจผันผวนอย่างรุนแรงได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวสารสำคัญออกมาจากเฟดหรือจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น ควรจำไว้เสมอว่า ราคาที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลตอบแทนในอนาคต โปรดบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน และลงทุนเท่าที่คุณจะสามารถยอมรับการสูญเสียได้เท่านั้น