1. ภาพรวมแนวโน้ม &บริบทพื้นฐาน

แนวโน้มใหญ่

ราคาทองกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (bullish momentum) — จากกราฟรายวัน (D1) ราคาพุ่งแรงและ RSI รายวันอยู่สูงมาก (ใกล้ภาวะ overbought)

บนกรอบสั้นกว่า (H1, M30) จะเห็นการรีเทสต์ (pullback) เป็นระยะ แต่แรงซื้อยังไม่หาย ดูเหมือนราคายังรักษาการยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย (MA) หลายตัวไว้ได้

ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน: ความกังวลทางเศรษฐกิจ, นโยบายการเงินของ Fed, ความอ่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯลฯ

ความเสี่ยงที่ต้องระวัง

ราคาสูงมากแล้ว — มีโอกาสเกิดการย่อตัว (correction)

หาก Fed ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย หรือปรับขึ้น ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกดดันทอง

แนวต้านแข็งแรง หรือจุด psychological level อาจเป็นเพดาน

---

2. แนวรับ / แนวต้านที่สำคัญ (จากกราฟ + สมมุติฐาน)

ระดับ ประเภท หมายเหตุ /ฐานที่มา

~ 4,380 แนวต้านหลัก (Resistance) ถ้าทะลุขึ้นไป น่าจะเป็นจุด breakout สำคัญ

~ 4,320-4,350 แนวต้านรอง /เขตแรงขาย อาจเป็นจุดที่แรงซื้อเจอแรงขายกลับ

~ 4,260 แนวรับแรก (Support) จุดที่ราคาน่าจะหยุดย่อลงชั่วคราว

~ 4,200 แนวรับรอง หากหลุด 4,260 อาจมุ่งลงมาที่ระดับนี้

~ 4,100 แนวรับลึก จุดที่ถ้าแรงขายแรง อาจถึงแนวลึกนี้ได้

> หมายเหตุ: ตัวเลขเป็นสมมุติ (อิงจากภาพ) — ควรอิงกับกราฟจริง +ปรับตามคู่สกุลเงินของคุณ

---

3. จุดเข้า / จุดออก / ตัดขาดทุน (Trade Setup เสริม)

บทวิเคราะห์ต่อไปนี้เป็นแนวทาง ไม่ใช่คำแนะนำแน่นอน — คุณควรปรับตามความเสี่ยงของคุณเอง

กรณี “เล่นตามแนวโน้มขาขึ้น (Long)”

จุดเข้า (Buy entry): เมื่อราคาย่อลงมาเข้าใกล้แนวรับ เช่น ~ 4,260 แล้วมีสัญญาณกลับตัว (candlestick reversal, bullish divergence, หรือ bounce off MA)

Stop Loss (ตัดขาดทุน): ใต้แนวรับลึก เช่น ถ้าลงทะลุ ~ 4,200

Take Profit (เป้าทำกำไร): บริเวณแนวต้าน ~ 4,350 → ~ 4,380 หรือถ้าทะลุอาจขึ้นสูงกว่า

กรณี “เล่นเทรนด์กลับ (Short / Swing ย่อตัว)”

จุดเข้า (Sell entry): เมื่อราคามีแรงวิ่งขึ้นไปชนแนวต้าน ~ 4,350-4,380 แล้วเกิดสัญญาณกลับตัว เช่น wick ยาว, bearish candlestick pattern

Stop Loss: เหนือแนวต้าน เช่น ถ้าคืนแรงทะลุ ~ 4,400

Take Profit: มุ่งลงมายังแนวรับ ~ 4,260 หรือ ~ 4,200

---

4. จุดที่ควรระวัง (Watchout Zones)

โซนแนวต้าน ~ 4,350-4,380 — อาจเป็นจุด “ยื้อ” สูงของแรงขาขึ้น

ถ้าราคาหลุดแนวรับ ~ 4,260 อย่างชัดเจน อาจมีเทรนด์กลับ (reversal)

ช่วงที่ Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐมีการประชุม หรือประกาศดอกเบี้ย /มุมมองเศรษฐกิจ — อาจทำให้มีการโยกแรง

ความผันผวนจากข่าวโลก เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, เงินดอลลาร์แข็งหรืออ่อน