• ราคาทองคำปรับตัวลดลง: หลังจากทำราคาสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 2,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงกว่า 1.5% สาเหตุหลักมาจากความเชื่อมั่นของตลาด และความไม่แน่นอนก่อนการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ

• บทบาทของเงินเฟ้อ: ทองคำมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 6% ตั้งแต่เดือนมกราคม ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ข้อมูลการจ้างงานและ CPI ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ผันผวน ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ ตลาดคาดการณ์ว่า CPI จะอยู่ที่ 0.3% (รายเดือน) และ 2.9% (รายปี)

• การคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed): ขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ในการประชุมเดือนมีนาคม หากข้อมูลเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ Fed อาจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าและส่งผลกดดันราคาทองคำ

• การปรับฐานราคา: ดัชนี Fear & Greed ของ CNN ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่เป็นกลางมากขึ้น การที่ราคาทองคำเข้าใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มักจะนำไปสู่การขายทำกำไร ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการปรับตัวลดลงในปัจจุบัน

• แนวโน้มทางเทคนิค: กราฟทองคำแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว แต่การเคลื่อนไหวของราคาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมแสดงให้เห็นถึงการเร่งตัวขึ้น ระดับเหนือ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดูเหมือนจะเจอกับแนวต้าน RSI บ่งบอกถึงแรงซื้อที่มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานราคา ระดับสำคัญที่ต้องจับตามองคือ 3,000 ดอลลาร์ (แนวต้าน), 2,850 ดอลลาร์ (แนวรับใกล้เคียง), และ 2,800 ดอลลาร์ (แนวรับสำคัญ)

โดยสรุปแล้ว ราคาทองคำกำลังปรับตัวลดลงเนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงความไม่แน่นอนก่อนการประกาศ CPI ความเชื่อมั่นของตลาด และการขายทำกำไรหลังจากราคาขึ้นไปสูง นักลงทุนควรจับตาดูข้อมูลเงินเฟ้อและการตัดสินใจของ Fed อย่างใกล้ชิด