📊 สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินประจำวันที่ 20/02/2025 🌍
🔔 ทองคำ:

Spot Gold: $ 2,940.88

สรุปปัจจัยข่าวและแนวโน้มราคาทองคำ
1. ภาพรวมตลาดทองคำ
- ราคาปิดล่าสุด:
- ตลาดนิวยอร์ก: ทองคำปิดลดลง $12.90 จากแรงขายทำกำไร
- แนวโน้มโดยรวม:
- ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการค้า

2. ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ
2.1. การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
- ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.11% แตะที่ระดับ 107.173
- ผลกระทบ: การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้ทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีราคาที่แพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่งผลให้ความต้องการทองลดลง
2.2. มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ
- ปธน.ทรัมป์ประกาศตั้งใจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% (รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์และยา)
- มาตรการเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นแนวทางในการฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศและลดการขาดดุลการค้า แต่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการค้า
- ผลกระทบ: ความวิตกเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรที่อาจก่อให้เกิดสงครามการค้าชะลอการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
2.3. ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและนโยบายของเฟด
- รายงานประชุมของเฟด (28-29 ม.ค.) เผยให้เห็นความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงอยู่
- ความกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมาย 2%
- ผลกระทบ: นโยบายการเงินที่แข็งแกร่งและการไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนได้รับความน่าดึงดูดน้อยลง

3. แนวโน้มและข้อเสนอแนะการเทรด
- ระยะสั้น:
- ราคาทองคำถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าและมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรในช่วงนี้
- นักลงทุนควรจับจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดผ่อนคลายหลังการปรับตัวของดอลลาร์หรือเมื่อมีสัญญาณจาก Fed ว่าจะผ่อนคลายแนวทางการเงิน
- ระยะกลาง-ยาว:
- หากความไม่แน่นอนด้านการค้าและมาตรการภาษียังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระดับสูง ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจกลับมาได้รับแรงหนุน
- นักลงทุนควรติดตามข่าวสารด้านเศรษฐกิจและนโยบายของเฟดอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวโน้มในอนาคต

สรุป:
"ทองลดลง $12.90 จากดอลลาร์แข็งและมาตรการภาษีศุลกากร"
แม้ว่าตลาดทองคำจะประสบกับแรงขายทำกำไรในระยะสั้นเนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ แต่พื้นฐานในระยะกลาง-ยาวอาจได้รับแรงหนุนหากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนด้านการค้าไม่ลดลง
นักลงทุนควรจับตาดูข่าวเศรษฐกิจและนโยบายของเฟดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์เทรดให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่ผันผวนในขณะนี้

⚠️ "ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลและเพื่อการศึกษาเท่านั้น มิได้มีเจตนาชักชวนหรือสนับสนุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบ"⚠️

💱 อัตราแลกเปลี่ยน:

USD/THB: 33.65
ดัชนีดอลลาร์: 107.01

📈 พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี:

Yield: 4.519

🛢️ ราคาน้ำมัน WTI:

$71.80/บาร์เรล

1. ภาพรวมตลาดน้ำมัน
- ราคาปิดล่าสุด:
- WTI: ปิดบวก $1.11 (เพิ่มขึ้น 0.56%) ที่ $72.25/บาร์เรล
- BRENT: ปิดบวก $0.20 (เพิ่มขึ้น 0.26%) ที่ $76.04/บาร์เรล
- ราคาน้ำมันในวันนี้อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. โดยได้รับแรงซื้อจากความคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจากรัสเซียและสหรัฐฯ จะลดลง

2. ปัจจัยหลักที่มีผลต่อตลาดน้ำมัน
2.1. เหตุการณ์โดรนโจมตีท่อส่งน้ำมัน
- รายงานยูเครนส่งโดรนโจมตีท่อส่งน้ำมันแคสเปียน (CPC) ในรัสเซีย
- ผลกระทบ: การโจมตีทำให้การขนส่งน้ำมันผ่านท่อส่ง CPC ลดลง 30–40% (สูญเสียอุปทานประมาณ 380,000 บาร์เรล/วัน)
- คำอธิบาย: ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานส่งผลให้ตลาดคาดว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะถูกจำกัด
2.2. สภาพภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดในยูเครน
- ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่าการโจมตีท่อส่ง CPC อาจเป็นการร่วมมือกันระหว่างยูเครนและพันธมิตรตะวันตก
- นักลงทุนจับตาดูข่าวเจรจาสันติภาพ แต่ข่าวเจรจาก็ส่งผลให้ราคาลดช่วงบวกลงเล็กน้อยหลังจากแรงซื้อเริ่มเข้ามา
2.3. ปัจจัยด้านอุปทานในสหรัฐฯ
- สภาพอากาศหนาวเย็นในรัฐนอร์ทดาโกตาประมาณการว่าการผลิตจะลดลงได้ถึง 150,000 บาร์เรล/วัน
- คาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรเช่นรัสเซียและคาซัคสถานอาจเลื่อนแผนเพิ่มอุปทานในเดือนเม.ยา
2.4. มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากสหภาพยุโรป (EU)
- EU เห็นชอบให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 16 ต่อรัสเซีย โดยรวมถึงการสั่งห้ามนำเข้าอะลูมิเนียมและการขึ้นบัญชีรายชื่อ "กองเรือเงา" เพิ่มอีก 73 ลำ
- ผลกระทบ: ข่าวนี้เพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดและนักลงทุนรอดูผลกระทบต่ออุปทานจากมาตรการคว่ำบาตร
2.5. ตัวชี้วัดสต็อกน้ำมัน
- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA ในวันนี้
- คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งอาจกดดันราคาในระยะสั้น
3. แนวโน้มและข้อเสนอแนะการเทรด
- ระยะสั้น:
- ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อที่เกิดจากการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจากรัสเซียและสหรัฐฯ จะลดลง
- นักลงทุนควรจับจังหวะเทรดอย่างระมัดระวัง โดยติดตามตัวชี้วัดสต็อกจาก EIA และข่าวด้านภูมิรัฐศาสตร์
- ระยะกลาง-ยาว:
- หากเหตุการณ์โดรนโจมตีและมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียส่งผลให้การขนส่งน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันอาจได้รับแรงหนุนอย่างยั่งยืน
- อย่างไรก็ตาม ข่าวเกี่ยวกับเจรจาสันติภาพในยูเครนและการเลื่อนแผนเพิ่มอุปทานจากโอเปกและพันธมิตรอาจทำให้ตลาดมีความผันผวน นักลงทุนควรติดตามข่าวสารด้านภูมิรัฐศาสตร์และแนวโน้มการผลิตอย่างใกล้ชิด

สรุป:
"น้ำมันฟื้นตัว! WTI ปิดบวก $1.11 ที่ $72.25/บาร์เรล"
ข่าวล่าสุดเผยว่าการโจมตีท่อส่งน้ำมันโดยโดรนจากยูเครนในรัสเซียทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะลดลง ส่งผลให้ราคาฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข่าวเจรจาสันติภาพและความไม่แน่นอนด้านการคว่ำบาตรยังคงมีผลผสม ทำให้นักลงทุนจับตาดูตัวชี้วัดสต็อกจาก EIA เพื่อประเมินแนวโน้มในระยะสั้นและปรับกลยุทธ์การเทรดในตลาด Forex ให้เหมาะสม

😨VIX (ดัชนีความผันผวน):

15.35

🏆 กองทุนทองคำ SPDR:
- ปริมาณการถือครอง: 877.98 (วันนี้กองทุนมีการซื้อเข้า 8.04 ตัน🔼 )

📅 ตารางข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน:
- ⭐⭐⭐ 20.30 น. จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
- ⭐⭐⭐ 20.30 น. ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.พ.)
- ⭐⭐⭐ 00.00 น. สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

⏰ หมายเหตุ: เวลาทั้งหมดเป็นเวลาไทย (GMT+7)

⚠️ Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

เครดิต N Rattana