📊 สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินประจำวันที่ 21/01/2025 🌍
🔔 ทองคำ:

Spot Gold: $ 2,715.60

1. เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
1. โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Dow Jones Futures) ปรับตัวพุ่งขึ้นต้อนรับทรัมป์
• มีรายงานว่าทรัมป์เตรียมวางนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่อาจยังไม่เร่งใช้นโยบาย “ตั้งกำแพงภาษีนำเข้า” ในทันที
2. นโยบายทางการค้าของทรัมป์
• แม้ก่อนหน้านี้ทรัมป์ประกาศพร้อมใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและภาษีนำเข้า แต่ล่าสุด WSJ รายงานว่า ทรัมป์ “จะวางแนวทางด้านการค้า” แต่ยังไม่ประกาศเก็บภาษีเพิ่มในทันที
• ส่งสัญญาณว่าแม้อาจมีมาตรการภาษีนำเข้า แต่ยังมีท่าที “วัดผล” (measured) ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลเล็กน้อย
3. การเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในสหรัฐฯ
• ทรัมป์สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐ “กลับเข้าทำงานเต็มเวลาในออฟฟิศ” (fulltime) มากกว่าการ Work from Home
• การเคลื่อนไหวดังกล่าวสื่อถึงการผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องการให้การทำงานของรัฐมีประสิทธิภาพ
4. ข้อมูลเศรษฐกิจและท่าทีเฟด
• จากข่าวก่อนหน้า เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาด ทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดอาจเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยต่อ
• แต่ตัวเลขเศรษฐกิจบางส่วน เช่น ยอดค้าปลีกยังเติบโตดี จึงต้องจับตาว่าเฟดจะระมัดระวังหรือชะลอการลดดอกเบี้ยหรือไม่

2. ประเด็นสำคัญและผลกระทบ
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับทรัมป์เชิงบวก
• ดัชนี Dow Jones Futures ดีดตัวขึ้น หลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
• สะท้อนว่าตลาดคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือการลดภาษี
2. ดอลลาร์สหรัฐกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย
• แม้เดิมคาดว่าทรัมป์จะเร่งตั้งกำแพงภาษีนำเข้า แต่เมื่อมีสัญญาณว่าอาจยังไม่เร่งใช้นโยบายดังกล่าว ดอลลาร์จึงอ่อนค่าลงได้ เพราะตลาดมองว่าอาจไม่มีแรงหนุนให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
• ทั้งนี้ ถ้าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งหรือเงินเฟ้อเร่งตัว ดอลลาร์อาจกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง
3. ผลกระทบต่อทองคำ
• ทองคำได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากทรัมป์ แต่ล่าสุดตลาดเริ่มคลายกังวลเมื่อไม่มีการออกมาตรการภาษีทันที
• หากดอลลาร์อ่อนค่า ทองคำจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น (เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์)
• ท่าทีเฟดต่อการลดดอกเบี้ย หากเฟดยังคงลดดอกเบี้ย หรือลดหลายครั้งในปีนี้ ก็จะเป็นบวกต่อทองคำ

3. แนวโน้มภาพรวมราคาทองคำ
1. ระยะสั้น: ทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น
• ความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ยังคงมีอยู่ นักลงทุนบางส่วนจึงถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
• ถ้าเฟดคงนโยบายผ่อนคลาย หรือมีมุมมอง “ลดดอกเบี้ยต่อ” ทองคำจะยิ่งได้แรงหนุน
2. ปัจจัยเสี่ยง:
• หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวตามคาด เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย ทำให้ทองคำถูกกดดัน
• ตลาดหุ้นที่คึกคักจากการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจดึงนักลงทุนออกจากทองคำ
3. ภาพรวม:
• ทองคำอยู่ในช่วง “ขาขึ้นแผ่ว ๆ” (Mildly Bullish) ขึ้นกับปัจจัยว่าทรัมป์จะออกมาตรการกีดกันการค้าเมื่อไรและเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อหรือไม่
• หากนโยบายทรัมป์กระตุ้นเงินเฟ้อสูงขึ้น ทองคำได้แรงหนุนเพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่ออกมาตรการเลย ดอลลาร์อาจกลับมาแข็งค่าและกดดันทองคำ

สรุป:
• ข่าวหลักคือการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์และคาดการณ์นโยบายการค้าที่อาจไม่รุนแรงทันที ทำให้ดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อย และตลาดหุ้นดีดตัวขึ้น
• ทองคำได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนในนโยบายทรัมป์และโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อ หากเงินเฟ้อไม่พุ่งขึ้น
• แนวโน้มราคาทองคำจึงยังคง “ขาขึ้น” ในระยะสั้น แต่ต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเคลื่อนไหวของเฟดอย่างต่อเนื่อง.

⚠️ "ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลและเพื่อการศึกษาเท่านั้น มิได้มีเจตนาชักชวนหรือสนับสนุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบ"⚠️

💱 อัตราแลกเปลี่ยน:

USD/THB: 34.15
ดัชนีดอลลาร์: 108.521

📈 พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี:

Yield: 4.552

🛢️ ราคาน้ำมัน WTI:

$76.71/บาร์เรล

1. ประเด็นสำคัญของข่าว
• สถานการณ์ในตลาดน้ำมันโลกและปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคา ไม่ว่าจะเป็นอุปทาน (Supply) การผลิตของกลุ่มโอเปก (OPEC) และการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินที่อาจกระทบต่อความต้องการ (Demand)
• สภาพเศรษฐกิจและภาพรวมความต้องการพลังงาน:
ความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจในบางภูมิภาค อาจจำกัดการเติบโตของอุปสงค์น้ำมัน (Demand) ในระยะสั้น
• สภาวะภูมิรัฐศาสตร์:
หากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในพื้นที่ผลิตน้ำมันสำคัญ เช่น ตะวันออกกลาง หรือมีการคว่ำบาตรต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน อาจทำให้อุปทานหดตัวและราคาพุ่งขึ้นได้

2. ผลกระทบต่อราคาน้ำมัน
1. ความกังวลด้านอุปทาน/อุปสงค์:
• หากเศรษฐกิจโลกแสดงสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์น้ำมันอาจไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ จึงกดดันราคาลง
• แต่ถ้าโอเปกหรือประเทศผู้ส่งออกน้ำมันลดการผลิตเพิ่มเติม หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันในประเทศผู้ผลิตหลัก ราคาน้ำมันจะได้แรงหนุน
2. แนวโน้มการเงินระหว่างประเทศ:
• หากธนาคารกลางหลัก ๆ (โดยเฉพาะเฟด) ยังคงแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินหรือลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในระยะกลาง
• ตรงกันข้าม ถ้าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งจนอาจชะลอการลดดอกเบี้ย ราคาน้ำมันอาจถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
3. ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์:
• ความตึงเครียดหรือสงครามในพื้นที่ผลิตน้ำมัน หรือนโยบายกีดกันการค้าต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน อาจทำให้อุปทานลดลง และราคามีแนวโน้มสูงขึ้น
• หากความขัดแย้งคลี่คลายหรือการหยุดยิงเกิดขึ้นจริง การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอาจผ่อนคลายลง

3. แนวโน้มราคาน้ำมัน
• ระยะสั้น: อาจ “ผันผวนในกรอบ” โดยมีโอกาสปรับตัวลงหากเศรษฐกิจชะลอตัวเกินคาด และตลาดมีอุปทานเพียงพอ
• ระยะกลาง: หากโอเปกหรือนอกโอเปกปรับลดการผลิต หรือเกิดเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบอุปทาน ตลาดอาจตึงตัวและหนุนราคาให้ปรับขึ้น
• ประเมินภาพรวม: ราคาน้ำมันยังคงขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลัก ได้แก่
1. ภาวะเศรษฐกิจโลก และ นโยบายการเงิน ของประเทศมหาอำนาจ
2. สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลต่ออุปทาน

สรุปภาพรวม
• ราคาน้ำมันมีแนวโน้ม ผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
• แต่หากเกิดปัจจัยที่ทำให้อุปทานลดลง เช่น การลดการผลิตของโอเปก หรือความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ ราคาน้ำมันอาจกลับมาปรับตัวขึ้นได้
• นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและสัญญาณจากผู้ผลิตน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางราคาในช่วงถัดไป

😨 VIX (ดัชนีความผันผวน):

15.80

🏆 กองทุนทองคำ SPDR:

ปริมาณการถือครอง: 879.12 (วันที่ 18 ม.ค. 68 กองทุนมีการซื้อเข้า 10.34 ตัน)

💡 คำแนะนำการเทรดทองคำวันนี้:

แนวรับสำคัญ: $2,700 , $2,680 , $2,665
แนวต้านสำคัญ: $2,715 , $2,725 , $2,735

🔍 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม:

📅 ตารางข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน:
- ไม่มีข่าวในตารางที่น่าสนใจ

⏰ หมายเหตุ: เวลาทั้งหมดเป็นเวลาไทย (GMT+7)

⚠️ Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

เครดิต เจอโรมพาเทรด