ลองนึกภาพว่าคุณกำลังดูม้าแข่งสองตัวที่มักจะวิ่งเคียงข้างกันเสมอ แต่บางครั้งตัวหนึ่งวิ่งเร็วกว่าอีกตัวหนึ่งชั่วคราว ถ้าคุณรู้ว่าในที่สุดมันจะกลับมาวิ่งไปพร้อมกัน คุณก็สามารถเดิมพันกับ "การกลับเข้าสู่สมดุล" ได้ นี่แหละคือแนวคิดของ Pair Trading

Pair Trading เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ใช้กันมานาน โดยเฉพาะในตลาดหุ้น แต่ในตลาด Forex เองก็สามารถใช้หลักการเดียวกันนี้ได้เช่นกัน

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า Pair Trading คืออะไร ใช้ยังไง และทำไมมันถึงน่าสนใจ

1. Pair Trading คืออะไร

Pair Trading เป็นกลยุทธ์การเทรดที่ใช้หลักการของ สหสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างสินทรัพย์สองตัว ซึ่งมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าหากวันหนึ่งสินทรัพย์สองตัวนี้เริ่มเคลื่อนที่ผิดปกติจากกัน เทรดเดอร์จะเปิดออเดอร์สองฝั่งพร้อมกัน

• Long (ซื้อ) คู่เงินที่อ่อนแอกว่า
• Short (ขาย) คู่เงินที่แข็งแกร่งกว่า

เป้าหมายคือรอให้ราคากลับมาใกล้กันอีกครั้ง แล้วปิดออเดอร์เพื่อทำกำไร

ตัวอย่างง่าย ๆ

ถ้าคุณสังเกต EUR/USD และ GBP/USD มักจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมี USD เป็นตัวร่วม แต่ถ้าวันหนึ่ง GBP/USD ขึ้นแรง แต่ EUR/USD ไม่ขึ้นตาม คุณอาจขาย GBP/USD และซื้อ EUR/USD เพื่อรอให้ทั้งสองกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน

2. หลักการทำงานของ Pair Trading

Pair Trading ทำงานบนแนวคิดของ "Mean Reversion" หรือการกลับสู่สมดุล ซึ่งมีหลักการพื้นฐานดังนี้

เลือกคู่สินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันสูง
ดูว่าความสัมพันธ์มีการเบี่ยงเบนออกจากค่าเฉลี่ยหรือไม่
เข้าเทรดเมื่อมีความแตกต่างที่ผิดปกติ
ปิดออเดอร์เมื่อราคากลับสู่สมดุล

3. ตัวอย่างการใช้ Pair Trading ในตลาด Forex

สมมติฐาน

• EUR/USD และ GBP/USD มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน
• โดยปกติแล้ว ค่าความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างสองคู่เงินนี้จะอยู่ที่ +0.85 ถึง +0.95

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

วันนี้ GBP/USD ขึ้นไป +100 pips แต่ EUR/USD ขึ้นแค่ +50 pips
ถ้าดูจากอดีต ทั้งสองคู่มักจะวิ่งไปพร้อมกัน ดังนั้นอาจมีโอกาสที่ GBP/USD จะปรับตัวลง หรือ EUR/USD จะขึ้นตาม

กลยุทธ์ Pair Trading

1. Sell GBP/USD (เพราะขึ้นไปไกลเกินกว่าปกติ)
2. Buy EUR/USD (เพราะยังขึ้นตามไม่ทัน)
3. เมื่อราคากลับสู่สมดุล ก็ปิดทั้งสองออเดอร์เพื่อทำกำไร

4. วิธีหาคู่เงินที่เหมาะกับการทำ Pair Trading

การเลือกคู่เงินที่เหมาะสมต้องใช้ Correlation Analysis เพื่อดูว่าสินทรัพย์สองตัวมีความสัมพันธ์กันมากน้อยแค่ไหน

เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ Correlation

• Investing.com Correlation Table – ตารางความสัมพันธ์ของคู่เงิน
• TradingView – ใช้ Indicator "Correlation Coefficient"
• Myfxbook Correlation Tool – ดูว่าคู่เงินไหนเคลื่อนไหวไปด้วยกัน

คู่เงินที่มักเคลื่อนที่ไปด้วยกันในตลาด Forex

EUR/USD vs. GBP/USD – เพราะมี USD เป็นตัวร่วม
AUD/USD vs. NZD/USD – เพราะเป็นค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้าน
USD/JPY vs. CHF/JPY – มักจะเคลื่อนที่คล้ายกันเพราะ JPY เป็นตัวร่วม

5. ข้อดีและข้อเสียของ Pair Trading

✅ ข้อดี

✔️ ลดความเสี่ยงจากตลาดขาขึ้นหรือขาลง เพราะมีออเดอร์ทั้งสองฝั่ง
✔️ ใช้ได้ดีในตลาดที่มีความสัมพันธ์สูง
✔️ สามารถทำกำไรแม้ในช่วงที่ตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน

❌ ข้อเสีย

❌ ไม่ใช่ทุกคู่เงินจะมีความสัมพันธ์ตลอดไป
❌ อาจต้องใช้ทุนมากขึ้น เพราะต้องเปิดออเดอร์สองฝั่งพร้อมกัน
❌ ถ้าความสัมพันธ์เปลี่ยนไปแบบถาวร อาจทำให้กลยุทธ์ไม่เวิร์ค

6. คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ที่อยากลอง Pair Trading

1. ใช้บัญชีทดลองก่อนเสมอ
อย่ารีบเทรดเงินจริง ลองทดสอบในบัญชีเดโม่เพื่อดูว่ากลยุทธ์ทำงานได้ดีแค่ไหน

2. ตรวจสอบ Correlation อยู่เสมอ
ความสัมพันธ์ของคู่เงินไม่ได้คงที่ อาจเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด ควรอัปเดตข้อมูลเป็นระยะ

3. ตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้เหมาะสม
แม้ว่า Pair Trading จะช่วยลดความเสี่ยง แต่ก็ต้องมีจุดตัดขาดทุน เพราะราคาบางครั้งอาจไม่กลับมาสู่สมดุล

4. อย่าใช้ Leverage สูงเกินไป
เพราะต้องเปิดออเดอร์สองฝั่งพร้อมกัน ใช้ Leverage สูงเกินไปอาจทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงมากขึ้น

5. ติดตามข่าวสารตลาดเสมอ
ปัจจัยพื้นฐาน เช่น การประกาศนโยบายการเงิน อาจทำให้คู่เงินที่เคลื่อนที่ไปด้วยกันเกิดความแตกต่างแบบถาวร

สรุป Pair Trading เหมาะกับใคร

เทรดเดอร์ที่ชอบการวิเคราะห์สถิติและพฤติกรรมราคา
คนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากตลาดขาขึ้นหรือขาลง
เทรดเดอร์ที่ต้องการกลยุทธ์ที่ไม่ต้องพึ่งแค่แนวโน้มตลาด

Pair Trading อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ทุกคนใช้ได้ แต่ถ้าคุณเข้าใจหลักการและใช้อย่างถูกต้อง มันสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้อย่างดี