มือใหม่ทำความเข้าใจความแตกต่างของตลาด Forex และตลาดหุ้น
บางคนบอกว่าหุ้นมั่นคงกว่า Forex เสี่ยงกว่า แต่บางคนก็เถียงว่าตลาด Forex ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วอะไรคือข้อแตกต่างจริง ๆ และแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน
1. ขนาดของตลาด Forex ใหญ่กว่าหุ้นแค่ไหน?
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยมากกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ใหญ่กว่าตลาดหุ้นหลายเท่าตัว
ตลาดหุ้น แต่ละประเทศมีตลาดหุ้นของตัวเอง เช่น
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (NYSE, NASDAQ)
- ตลาดหุ้นไทย (SET)
- ตลาดหุ้นยุโรป (FTSE, DAX)
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นแม้จะสูง แต่ก็ยังห่างไกลจาก Forex ที่มีผู้เล่นระดับโลกและเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
Tip.
- ถ้าชอบตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เข้าออกง่าย Forex อาจตอบโจทย์
- ถ้าชอบเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโต ตลาดหุ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
2. เวลาเทรด: Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมง แต่หุ้นมีเวลาจำกัด
Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เพราะมีตลาดใหญ่ ๆ สลับกันเปิด
- ตลาดซิดนีย์: 05.00 - 13.00 น.
- ตลาดโตเกียว: 07.00 - 15.00 น.
- ตลาดลอนดอน: 14.00 - 22.00 น.
- ตลาดนิวยอร์ก: 19.00 - 03.00 น.
ตลาดหุ้น เปิดเป็นรอบเวลา และมีเวลาพัก เช่น ตลาดหุ้นไทยเปิด
- ช่วงเช้า: 10.00 - 12.30 น.
- ช่วงบ่าย: 14.30 - 16.30 น.
Tip.
- ถ้าคุณต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด ไม่ต้องรอเปิดตลาด Forex จะเหมาะกว่า
- ถ้าคุณโอเคกับการเทรดตามเวลาตลาดและชอบวิเคราะห์ธุรกิจ หุ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดี
3. วิธีการซื้อขาย: Forex เทรดเป็นคู่เงิน หุ้นซื้อเป็นบริษัท
Forex เทรดเป็น "คู่เงิน" เช่น
- EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์)
- USD/JPY (ดอลลาร์/เยน)
- GBP/USD (ปอนด์/ดอลลาร์)
ซึ่งหมายความว่า เวลาเราเทรด Forex เรากำลังซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลหนึ่งไปพร้อมกัน
ตลาดหุ้น คุณซื้อหุ้นเป็นรายบริษัท เช่น
- ซื้อหุ้น Apple (AAPL) = เป็นเจ้าของหุ้น Apple
- ซื้อหุ้น Tesla (TSLA) = เป็นเจ้าของหุ้น Tesla
คุณสามารถถือหุ้นนานเท่าที่ต้องการ และได้รับเงินปันผล (Dividend) ถ้าบริษัทมีกำไรและจ่ายเงินคืนให้ผู้ถือหุ้น
Tip.
- ถ้าคุณสนใจการเทรดแบบเก็งกำไรเร็ว ๆ Forex น่าจะเหมาะกว่า
- ถ้าคุณต้องการถือสินทรัพย์ระยะยาว หุ้นจะเป็นตัวเลือกที่มั่นคงกว่า
4. การใช้ Leverage: Forex ใช้ Leverage สูงกว่า หุ้นมีความเสี่ยงต่ำกว่า
Forex สามารถใช้ Leverage ได้สูง เช่น 1:100 หรือ 1:500 นั่นหมายความว่า ถ้ามีทุน $1,000 คุณสามารถเปิดออเดอร์ได้ถึง $100,000 หรือมากกว่านั้น
ตลาดหุ้น มี Leverage จำกัดมากกว่า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1:1 หรือ 1:2 ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้เงินตัวเองมากกว่าถึงจะลงทุนได้
ข้อดีของ Leverage
- ทำให้สามารถเทรดด้วยเงินน้อยแต่ได้กำไรมากขึ้น
- เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เข้าตลาดด้วยเงินทุนน้อย
ข้อเสียของ Leverage
- ยิ่งใช้ Leverage สูง ความเสี่ยงที่พอร์ตจะพังเร็วก็ยิ่งมากขึ้น
Tip.
- ถ้าคุณรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา Forex อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
- ถ้าคุณต้องการลงทุนแบบระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงสูง หุ้นจะเหมาะกว่า
5. วิธีทำกำไร: Forex เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หุ้นส่วนใหญ่มีกำไรแค่ขาขึ้น
Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง เพราะสามารถ Buy หรือ Sell ได้ทุกเวลา
ตลาดหุ้น โดยทั่วไป นักลงทุนมักจะทำกำไรได้เมื่อหุ้นขึ้นเท่านั้น เพราะหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง
Tip.
- ถ้าคุณต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา Forex อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
- ถ้าคุณเชื่อในมูลค่าของบริษัท และต้องการลงทุนแบบระยะยาว หุ้นน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า
ถ้าคุณชอบ เทรดเร็ว กำไรเร็ว ความเสี่ยงสูง → Forex อาจเหมาะกับคุณ
ถ้าคุณชอบ ลงทุนระยะยาว มีความมั่นคงกว่า → หุ้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกตลาดไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ความรู้และการบริหารความเสี่ยง" เพราะทั้งสองตลาดมีโอกาสและความเสี่ยงในแบบของตัวเอง
ทิ้งคำตอบไว้
- 42 ฟอรัม
- 1,351 หัวข้อ
- 3,808 กระทู้
- 52 ออนไลน์
- 1,455 สมาชิก