การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

มือใหม่ทำความเข้าใจความแตกต่างของตลาด Forex และตลาดหุ้น

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
0 Reactions
16 เข้าชม
thanongsuk12
(@thanongsuk12)
สมาชิก
Rank G
เข้าร่วม: 10 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 213
หัวข้อเริ่มต้น  

บางคนบอกว่าหุ้นมั่นคงกว่า Forex เสี่ยงกว่า แต่บางคนก็เถียงว่าตลาด Forex ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วอะไรคือข้อแตกต่างจริง ๆ และแบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน

 

1. ขนาดของตลาด Forex ใหญ่กว่าหุ้นแค่ไหน?

ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยมากกว่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน ใหญ่กว่าตลาดหุ้นหลายเท่าตัว

ตลาดหุ้น แต่ละประเทศมีตลาดหุ้นของตัวเอง เช่น

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (NYSE, NASDAQ)
  • ตลาดหุ้นไทย (SET)
  • ตลาดหุ้นยุโรป (FTSE, DAX)

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นแม้จะสูง แต่ก็ยังห่างไกลจาก Forex ที่มีผู้เล่นระดับโลกและเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

Tip.

  • ถ้าชอบตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เข้าออกง่าย Forex อาจตอบโจทย์
  • ถ้าชอบเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโต ตลาดหุ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

2. เวลาเทรด: Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมง แต่หุ้นมีเวลาจำกัด

Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เพราะมีตลาดใหญ่ ๆ สลับกันเปิด

  • ตลาดซิดนีย์: 05.00 - 13.00 น.
  • ตลาดโตเกียว: 07.00 - 15.00 น.
  • ตลาดลอนดอน: 14.00 - 22.00 น.
  • ตลาดนิวยอร์ก: 19.00 - 03.00 น.

ตลาดหุ้น เปิดเป็นรอบเวลา และมีเวลาพัก เช่น ตลาดหุ้นไทยเปิด

  • ช่วงเช้า: 10.00 - 12.30 น.
  • ช่วงบ่าย: 14.30 - 16.30 น.

Tip.

  • ถ้าคุณต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด ไม่ต้องรอเปิดตลาด Forex จะเหมาะกว่า
  • ถ้าคุณโอเคกับการเทรดตามเวลาตลาดและชอบวิเคราะห์ธุรกิจ หุ้นอาจเป็นทางเลือกที่ดี

 

3. วิธีการซื้อขาย: Forex เทรดเป็นคู่เงิน หุ้นซื้อเป็นบริษัท

Forex เทรดเป็น "คู่เงิน" เช่น

  • EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์)
  • USD/JPY (ดอลลาร์/เยน)
  • GBP/USD (ปอนด์/ดอลลาร์)

ซึ่งหมายความว่า เวลาเราเทรด Forex เรากำลังซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลหนึ่งไปพร้อมกัน

ตลาดหุ้น คุณซื้อหุ้นเป็นรายบริษัท เช่น

  • ซื้อหุ้น Apple (AAPL) = เป็นเจ้าของหุ้น Apple
  • ซื้อหุ้น Tesla (TSLA) = เป็นเจ้าของหุ้น Tesla

คุณสามารถถือหุ้นนานเท่าที่ต้องการ และได้รับเงินปันผล (Dividend) ถ้าบริษัทมีกำไรและจ่ายเงินคืนให้ผู้ถือหุ้น

Tip.

  • ถ้าคุณสนใจการเทรดแบบเก็งกำไรเร็ว ๆ Forex น่าจะเหมาะกว่า
  • ถ้าคุณต้องการถือสินทรัพย์ระยะยาว หุ้นจะเป็นตัวเลือกที่มั่นคงกว่า

 

4. การใช้ Leverage: Forex ใช้ Leverage สูงกว่า หุ้นมีความเสี่ยงต่ำกว่า

Forex สามารถใช้ Leverage ได้สูง เช่น 1:100 หรือ 1:500 นั่นหมายความว่า ถ้ามีทุน $1,000 คุณสามารถเปิดออเดอร์ได้ถึง $100,000 หรือมากกว่านั้น

ตลาดหุ้น มี Leverage จำกัดมากกว่า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1:1 หรือ 1:2 ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้เงินตัวเองมากกว่าถึงจะลงทุนได้

ข้อดีของ Leverage

  • ทำให้สามารถเทรดด้วยเงินน้อยแต่ได้กำไรมากขึ้น
  • เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เข้าตลาดด้วยเงินทุนน้อย

ข้อเสียของ Leverage

  • ยิ่งใช้ Leverage สูง ความเสี่ยงที่พอร์ตจะพังเร็วก็ยิ่งมากขึ้น

Tip.

  • ถ้าคุณรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา Forex อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
  • ถ้าคุณต้องการลงทุนแบบระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงสูง หุ้นจะเหมาะกว่า

 

 

5. วิธีทำกำไร: Forex เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หุ้นส่วนใหญ่มีกำไรแค่ขาขึ้น

Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง เพราะสามารถ Buy หรือ Sell ได้ทุกเวลา

ตลาดหุ้น โดยทั่วไป นักลงทุนมักจะทำกำไรได้เมื่อหุ้นขึ้นเท่านั้น เพราะหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง

Tip.

  • ถ้าคุณต้องการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา Forex อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
  • ถ้าคุณเชื่อในมูลค่าของบริษัท และต้องการลงทุนแบบระยะยาว หุ้นน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า

 

ถ้าคุณชอบ เทรดเร็ว กำไรเร็ว ความเสี่ยงสูง → Forex อาจเหมาะกับคุณ
ถ้าคุณชอบ ลงทุนระยะยาว มีความมั่นคงกว่า → หุ้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดี

แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกตลาดไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ความรู้และการบริหารความเสี่ยง" เพราะทั้งสองตลาดมีโอกาสและความเสี่ยงในแบบของตัวเอง

 


   
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: