เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ทำไม มองทางไหนก็ผิด อยู่เรื่อยเลย

1. เพราะเรา ไม่รอให้กราฟยืนยัน

ปัญหาใหญ่เลยคือ เราเดาทางล่วงหน้าเร็วเกินไป โดยยังไม่มีสัญญาณยืนยัน

• เห็นราคาขึ้นแรง คิดว่า ต้องไปต่อแน่ ก็กด Buy

• เห็นราคาลงมาเร็ว คิดว่า ต้องร่วงต่อ ก็กด Sell

แต่ลืมดูว่า…มันอาจเป็นแค่จังหวะพัก ย่อ หรือกับดักก็ได้ กราฟมักหลอกตอนที่มัน ยังไม่ชัด แล้วเราดันรีบเข้า

2. เรา ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

เชื่อมั้ยว่า…คนที่โดนกราฟหลอกบ่อยๆ คือคนที่ อิน กับตลาดมากเกินไป พอเห็นกราฟวิ่งแรง ก็เกิด FOMO
พอถือออเดอร์แล้วกราฟวิ่งสวน ก็เกิดอาการ อยากเอาคืน

เมื่ออารมณ์นำหน้าเหตุผล…สิ่งที่ตามมาคือ มองผิดฝั่งซ้ำแล้วซ้ำอีก

3. เรา ติดภาพจากอดีตมากเกินไป

บางครั้งเราเห็นว่ากราฟเคยเด้งจากแนวรับจุดนี้เมื่อวาน
ก็เลยคิดว่า วันนี้น่าจะเด้งเหมือนกัน  กด Buy
หรือเห็นว่าลงแรงเมื่อวาน ก็คิดว่า มันต้องลงต่อแน่ๆ  กด Sell

แต่เราลืมไปว่า ตลาดเปลี่ยนทุกวัน สิ่งที่เคยใช้ได้ อาจไม่เวิร์คในวันนี้
อย่ายึดติดกับสิ่งที่เคยเกิด จนมองไม่เห็นสิ่งที่กำลังเกิด

4. เพราะ มองแค่สั้นๆ ไม่เห็นภาพใหญ่

อีกหนึ่งเหตุผลคือ เรามองแค่ Timeframe เดียว
เช่น ดูแค่ M15 แล้วตัดสินใจเข้า Buy
แต่ในภาพใหญ่ H4 หรือ D1 มันคือขาลง

แน่นอนว่าราคาก็มีสิทธิ์ไหลลงต่อ แม้กราฟสั้นจะดูเหมือนกำลังเด้ง

🔍 แนวทางแก้

ก่อนเข้าออเดอร์ ควรเช็กภาพใหญ่ก่อนเสมอ
กราฟกำลังขึ้นจริง หรือแค่ดีดในขาลง?

5. เพราะตลาดมันไม่ได้ง่ายแบบที่คิด

ต้องเข้าใจก่อนว่า...กราฟไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้
มันสะท้อน พฤติกรรมของคนทั้งโลก ที่คิดไม่เหมือนกัน
บางทีข่าวออกดี แต่ราคากลับร่วง
บางทีดูเหมือนควรลง แต่มีแรงซื้อสวนขึ้นเฉย

นั่นแหละตลาด…มันไม่ได้เดินตามตรรกะของเราทุกครั้ง

แล้วทำยังไงถึงจะ มองไม่พลาด

✅ 1. รอให้มีสัญญาณชัดเจนก่อนเทรด
เช่น เบรกแนวต้านแล้วมี Retest / มีแท่งกลับตัว / Volume สนับสนุน

✅ 2. วางแผนก่อนเข้า ไม่เข้าแบบตามอารมณ์
รู้ว่าจะเข้าเพราะอะไร ออกตรงไหน ตัดขาดทุนตรงไหน

✅ 3. เช็กภาพใหญ่เสมอ
จะเทรดสั้นหรือยาวก็ควรรู้ว่าภาพรวมตลาดกำลังไปทางไหน

✅ 4. ยอมรับให้ได้ว่า เราจะไม่ถูกทุกครั้ง
เทรดให้เหมือนเล่นหมากรุก ไม่ใช่เสี่ยงดวง