📊 สรุปสถานการณ์ตลาดการเงินประจำวันที่ 23/12/2024 🌍
🔔 ทองคำ:

Spot Gold: $ 2,622.28

แนวโน้มราคาทองคำ: มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น

เหตุผล:
1. ดอลลาร์อ่อนค่า:
• ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.6% จากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทำให้ทองคำถูกลงในสายตาของนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น เพิ่มความต้องการในตลาดทองคำ.
2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง:
• การลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ส่งผลให้ทองคำดูน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย.
3. เงินเฟ้อต่ำกว่าคาด:
• ดัชนี PCE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐ เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ทั้งในรายปีและรายเดือน ชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ซึ่งอาจทำให้เฟดมีแนวโน้มลดความเข้มงวดทางการเงินในอนาคต สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ.
4. แรงหนุนระยะสั้นจากการซื้อเก็งกำไร:
• ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 1.42% ในวันเดียว สะท้อนถึงแรงซื้อที่เข้ามาหลังจากราคาลดลงในช่วงต้นสัปดาห์.
5. ปัจจัยเฟด:
• แม้ว่า dot plot ของเฟดบ่งชี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 เพียง 2 ครั้ง (น้อยกว่าคาดการณ์เดิม) ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ความคาดหวังเรื่องการชะลอตัวของนโยบายการเงินยังคงช่วยหนุนราคาทองคำ.

สรุป:
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และข้อมูลเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด แต่ควรติดตามนโยบายเฟดในระยะยาวที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ.

⚠️ "ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลและเพื่อการศึกษาเท่านั้น มิได้มีเจตนาชักชวนหรือสนับสนุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบ"⚠️

💱 อัตราแลกเปลี่ยน:

USD/THB: 34.27
ดัชนีดอลลาร์: 107.780

📈 พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี:

Yield: 4.534

🛢️ ราคาน้ำมัน WTI:

$69.67/บาร์เรล

แนวโน้มราคาน้ำมัน: มีแนวโน้มทรงตัวถึงผันผวนในระยะสั้น โดยมีแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินในระยะยาว

เหตุผล:
1. ปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน:
• ดอลลาร์อ่อนค่า:
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งอาจเพิ่มความต้องการน้ำมันในตลาดโลก.
• การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด:
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ชะลอตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการพลังงาน แม้ว่าเฟดจะลดการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต.
• แนวโน้มอุปสงค์ของจีน:
รายงานจาก Sinopec ชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันของจีนจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดในปี 2570 แม้ความต้องการน้ำมันดีเซลและเบนซินจะลดลง.
2. ปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน:
• อุปทานส่วนเกินในระยะยาว:
JPMorgan คาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดน้ำมันจะมีอุปทานส่วนเกิน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตนอกกลุ่มโอเปกพลัส ขณะที่โอเปกยังคงรักษาระดับการผลิต.
• การปรับลดแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันโลก:
โอเปกพลัสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันโลกเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลง.
• มาตรการคุมเข้มต่อรัสเซีย:
G7 พิจารณาคุมเข้มเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งอาจกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกในระยะสั้น แต่ในระยะยาวรัสเซียยังมีศักยภาพหลีกเลี่ยงมาตรการด้วยกองเรือเงา.
3. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ:
• ความเคลื่อนไหวของ G7 และ EU ต่อการคว่ำบาตรรัสเซียอาจลดอุปทานน้ำมันชั่วคราว.
• การค้าระหว่าง EU และสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงจากนโยบายภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก.

สรุป:
ราคาน้ำมันในระยะสั้นมีโอกาสทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยดอลลาร์อ่อนค่าและการคาดการณ์อุปสงค์จากจีน แต่ในระยะยาวยังเผชิญแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินและการปรับลดแนวโน้มความต้องการน้ำมัน.

😨 VIX (ดัชนีความผันผวน):

25.38

🏆 กองทุนทองคำ SPDR:

ปริมาณการถือครอง: 877.40 (วันนี้กองทุนมีการซื้อเข้า 16.66 ตัน⬆️)

💡 คำแนะนำการเทรดทองคำวันนี้:

แนวรับสำคัญ: $2,605 , $2,580 , $2,545
แนวต้านสำคัญ: $2,630 , $2,645 , $2,670

🔍 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม:

📅 ตารางข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน:
- ⭐⭐⭐ 14.00 น.((GBP)) ดัชนีจีดีพี (GDP) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)
- ⭐⭐⭐ 14.00 น.((GBP)) ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) (ปีต่อปี) (ไตรมาส 3)
- ⭐⭐⭐ 22.00 น.((USD)) รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) (ธ.ค.)

⏰ หมายเหตุ: เวลาทั้งหมดเป็นเวลาไทย (GMT+7)

⚠️ Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นเพียงความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

เครดิต เจอโรมพาเทรด