การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

สรุปสถานการณ์ตลาดการเงิน 10 ธันวาคม 2024

1 กระทู้
1 ผู้ใช้
1 Reactions
112 เข้าชม
kenfxg21
(@kenfxg21)
สมาชิก
Rank G
เข้าร่วม: 8 เดือน ที่ผ่านมา
กระทู้: 177
หัวข้อเริ่มต้น  

📊 สรุปข่าวภาคค่ำประจำวันที่ 10/12/2024

1️⃣ ทองคำ (Gold)
💰 ราคาทองคำวันนี้แนวโน้ม: ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัว เพิ่มขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง จากปัจจัยสนับสนุนทั้งในด้านความต้องการจากจีน นโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก และสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
📉 สาเหตุหลัก: ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำ
1.การกลับมาซื้อทองของธนาคารกลางจีน:
- ธนาคารกลางจีนกลับมาซื้อทองคำในเดือนพ.ย. หลังหยุดซื้อไปตั้งแต่เดือนพ.ค.
- สะท้อนถึงการสะสมสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อเพิ่มความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ
2.นโยบายการเงินผ่อนคลายของจีน:
- จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- นโยบายดังกล่าวช่วยเพิ่มความต้องการทองคำทั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยและเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
3.ความไม่สงบในตะวันออกกลาง:
- สถานการณ์ความไม่สงบในซีเรียเพิ่มแรงหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
- การโค่นล้มรัฐบาลซีเรียสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพภูมิภาค
4.ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed:
- ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และช่วยหนุนราคาทองคำ
5.ข้อมูล CPI ที่ชะลอตัว:
- หากดัชนี CPI ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดการณ์ จะเพิ่มโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และลดแรงกดดันต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน

ปัจจัยที่อาจกดดันราคาทองคำ
1.ดอลลาร์สหรัฐยังทรงตัวแข็งค่า:
- แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าในระยะยาว แต่การเคลื่อนไหวระยะสั้นอาจยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ CPI
2.ความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจ:
- หากข้อมูล CPI สูงกว่าคาดการณ์ อาจเพิ่มแรงกดดันให้ Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะกระทบต่อราคาทอง

สรุป
- ราคาทองคำมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นในระยะสั้นถึงกลาง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มความต้องการทองคำของจีน นโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก และสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ และผลการประชุม Fed ที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวระยะสั้นของตลาดทองคำ.

2️⃣ ดอลลาร์สหรัฐ (USD)
💵 ดอลลาร์แข็งค่า สอดคล้องบอนด์ยีลด์ดีดตัว ก่อนเผย CPI พรุ่งนี้
📊 แนวโน้ม: ดอลลาร์มีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ที่จะประกาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการคาดการณ์นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ปัจจัยสนับสนุนดอลลาร์แข็งค่า
1.การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ:
- การปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรช่วยหนุนการถือครองดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดในสภาวะผลตอบแทนสูง
2.ตลาดจับตาเงินเฟ้อ (CPI):
- ดัชนี CPI ทั่วไปและพื้นฐานคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง (2.7% และ 3.3% ตามลำดับ)
- หากตัวเลข CPI สูงกว่าคาดการณ์ อาจเพิ่มความกังวลว่า Fed จะชะลอการลดดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์
3.สถานะ Safe Haven ของดอลลาร์:
- ในช่วงที่ตลาดการเงินจับตาการประชุม FOMC และมีความไม่แน่นอนในตัวเลขเศรษฐกิจ ดอลลาร์ยังคงเป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
4.Fed Blackout Period:
- ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ Fed ไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้นักลงทุนถือดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยง

ปัจจัยที่อาจกดดันดอลลาร์
1.ความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed:
- ตลาดให้น้ำหนักสูงถึง 86.1% ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้
- หากการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริง อาจลดแรงหนุนของดอลลาร์ในระยะกลาง
2.ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่ผันผวน:
- หากตัวเลข CPI ต่ำกว่าคาดการณ์ อาจกระตุ้นแรงขายดอลลาร์ เพราะตลาดจะคาดการณ์ว่า Fed จะผ่อนคลายดอกเบี้ยต่อเนื่อง

สรุป
- ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนก่อนการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ CPI อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนโยบายของ Fed ในสัปดาห์หน้าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางระยะยาวของดอลลาร์ หาก Fed ลดดอกเบี้ยตามคาด ดอลลาร์อาจชะลอการแข็งค่าหรือปรับตัวลงในอนาคต.

3️⃣ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
📰 แนวโน้ม: มีโอกาสที่บอนด์ยีลด์จะยังคงปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น
📉 เหตุผล:
1.การจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ (CPI):
- นักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้า หาก CPI ออกมาต่ำกว่าคาด อาจเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้บอนด์ยีลด์ลดลงในอนาคต แต่ในระยะสั้น ความไม่แน่นอนนี้ดึงดูดแรงขายในตลาดพันธบัตร ส่งผลให้ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
2.ความคาดหวังต่อการประชุมเฟด:
- FedWatch Tool แสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 86.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ความคาดการณ์ดังกล่าวยังไม่ตอกย้ำจนชัดเจน ทำให้นักลงทุนระมัดระวังและคาดการณ์ไปในเชิงการปรับเพิ่มยีลด์ระยะสั้นจนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น
3.ช่วง Blackout Period ของเฟด:
- การที่เจ้าหน้าที่เฟดไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในช่วงนี้ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาด นักลงทุนจึงอาจลดการถือครองพันธบัตรและเพิ่มแรงขาย ส่งผลให้ยีลด์ขยับสูงขึ้น
4.ระดับปัจจุบันของยีลด์:
- บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี: 4.234%
- บอนด์ยีลด์อายุ 30 ปี: 4.424%
ยีลด์ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองตลาดที่คาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในอัตราที่ค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจชะลอการลดดอกเบี้ยในช่วงต้นปี 2568

สรุป:
- บอนด์ยีลด์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะสั้นจากแรงขายที่เกิดจากความไม่แน่นอนของตัวเลข CPI และการประชุมเฟด อย่างไรก็ตาม หากตัวเลข CPI ต่ำกว่าคาด อาจทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลงในอนาคต เนื่องจากการคาดการณ์ถึงการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจากเฟด

4️⃣ ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones)
🗞️ แนวโน้ม: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อไปในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ก่อนการประชุมเฟด
เหตุผล:
1.ความระมัดระวังก่อนตัวเลข CPI:
- นักลงทุนยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน เนื่องจากตัวเลข CPI ที่จะเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้มีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ตัวเลขนี้ถือเป็น "ข้อมูลสำคัญตัวสุดท้าย" ก่อนการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า
- หาก CPI ออกมาต่ำกว่าคาด อาจกระตุ้นความหวังว่าดอกเบี้ยจะลดลงในอนาคต ซึ่งจะส่งผลบวกต่อดัชนีดาวโจนส์ แต่หาก CPI สูงกว่าคาด อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการชะลอการลดดอกเบี้ย
2.ข้อมูลดอกเบี้ยจาก FedWatch Tool:
- นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 86.1% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ และ 69.1% สำหรับการคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในเดือนมกราคม 2568
- การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดยังเชื่อว่าเฟดจะไม่เร่งรีบในการลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
3.การเคลื่อนไหวล่าสุด:
- ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบเพียง 2 จุด ณ เวลา 19.05 น. แสดงให้เห็นถึงการขาดแรงผลักดันที่ชัดเจนทั้งในเชิงบวกและลบ
สรุป:
- ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์น่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูล CPI เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หากตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความหวังที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่หากสูงกว่าคาด อาจกดดันดัชนีให้ปรับตัวลงเล็กน้อยจากความกังวลด้านดอกเบี้ยในอนาคต

5️⃣ น้ำมันดิบ WTI (WTI Crude Oil)
⛽ แนวโน้ม: ราคาน้ำมัน WTI มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในระยะสั้น โดยได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรของนักลงทุน หลังราคาปรับตัวขึ้นในวันก่อนหน้า
🌐 เหตุผล:
1.การขายทำกำไรหลังการดีดตัวขึ้น:
- ราคาน้ำมัน WTI ร่วง 0.51% สู่ระดับ 68.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นถึง 1.74% วานนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นครั้งก่อนเป็นผลจากการเก็งกำไรระยะสั้น
2.ปัจจัยหนุนที่เริ่มลดผลกระทบ:
- แม้จีนจะส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อความต้องการน้ำมันในระยะยาว แต่ตลาดมุ่งเน้นไปที่การขายทำกำไรในระยะสั้น
3.สถานการณ์ในซีเรีย:
- ความไม่สงบในซีเรียเพิ่มความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
4.การรอข้อมูลสต็อกน้ำมัน:
- นักลงทุนกำลังจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจาก API และ EIA ซึ่งจะส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับความต้องการและอุปทานในตลาด

สรุป:
- ราคาน้ำมัน WTI มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในระยะสั้น เนื่องจากการขายทำกำไรของนักลงทุนและความไม่แน่นอนก่อนการเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมัน แม้ปัจจัยระยะยาว เช่น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและการลดดอกเบี้ยเฟด จะยังคงสร้างแรงหนุนในภาพรวม.

 

เครดิต เจอโรมพาเทรด


   
TibitoBlink reacted
อ้างอิง

ทิ้งคำตอบไว้

ชื่อผู้แต่ง

อีเมลผู้เขียน

ตำแหน่ง *

You are not allowed to attach files on this forum. It is possible that you have not reached the minimum required number of posts, or your user group does not have permission to attach files in this forum.
 
ดูตัวอย่าง แก้ไข 0 ครั้ง บันทึกแล้ว
แบ่งปัน: